Last updated: 3 มิ.ย. 2568 | 142 จำนวนผู้เข้าชม |
ใครจะคิดว่า “ไข่ผำ” พืชน้ำจิ๋วๆ ที่เคยลอยอยู่ตามบ่อ บึง ท้องไร่ปลายนา จะกลายเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงของโลกในอนาคต
วันนี้ “ไข่ผำ” ไม่ใช่แค่ของแปลกตาที่ลอยอยู่ตามธรรมชาติอีกต่อไป แต่กำลังถูกจับตามองในฐานะ ซูเปอร์ฟู้ด (Superfood) และ อาหารแห่งอนาคต (Future Food) ที่ให้คุณค่าทางโภชนาการสูง แถมยังเป็นมิตรต่อโลกอีกด้วย
แล้ว ไข่ผำ คืออะไร?
ผำ เป็นพืชน้ำพื้นบ้านหน้าตาเหมือนไข่ปลาเม็ดจิ๋วๆ สีเขียว ลอยน้ำได้ แต่ที่น่าสนใจกว่านั้นคือ ไข่ผำมี “โปรตีนสูงมาก” สูงกว่าไข่ไก่หลายเท่า แถมยังมีกรดอะมิโนจำเป็นครบถ้วน วิตามินแน่น ไฟเบอร์เพียบ และไขมันต่ำ ดีต่อสุขภาพเหมาะสุดๆ สำหรับผู้บริโภคสายคลีน สายวีแกน และผู้สูงอายุ ที่สำคัญดีต่อโลก
นอกจากจะเป็นอาหารเพื่อสุขภาพ ให้โปรตีนสูง ไข่ผำยังเป็นพืชที่โตเร็วภายใน 7 วัน ใช้น้ำน้อย ช่วยดูดซับคาร์บอน และบำบัดน้ำเสียได้อีกด้วย พูดง่ายๆ คือกินแล้วเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
โมเดล ไข่ผำพรีเมียม นวัตกรรมจากไบโอเทค
ตอนนี้มีหลายหน่วยงานเริ่มจับมือพัฒนาไข่ผำในเชิงพาณิชย์มีการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ สวทช. โดย ดร. เกรียงไกร โมสาลียานนท์ หัวหน้าทีมวิจัยนวัตกรรมโรงงานผลิตพืชสมุนไพร ไบโอเทค สวทช. ได้นำองค์ความรู้เชิงลึกทางด้านสรีรวิทยาของพืชและความต้องการปัจจัยแวดล้อมที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโต มาสนับสนุนการดำเนินงานร่วมกับเนคเทค สวทช. โดยได้กำหนดขอบเขตของปัจจัยที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืชอย่างละเอียด ครอบคลุมทั้งด้านแสงสว่าง อุณหภูมิ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และสูตรปุ๋ยธาตุอาหารที่แม่นยำ
เลี้ยงไข่ผำยุคใหม่ ใช้เทคโนโลยี IoT และฟาร์มอัจฉริยะ HandySense ยกระดับการผลิตแม่นยำปลอดภัย
แม้หลายคนอาจมองว่าการเลี้ยงไข่ผำเป็นเพียงการปลูกพืชน้ำทั่วไป แต่ปัจจุบันการเลี้ยงไข่ผำได้ถูกยกระดับด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย โดยเฉพาะการนำระบบ IoT และเทคโนโลยีเกษตรแม่นยำ “ฟาร์มอัจฉริยะ HandySense” เข้ามาใช้ควบคุมดูแลการผลิตอย่างเป็นระบบ
ดร.ศุภนิจ พรธีระภัทร นักวิจัยอาวุโส จากทีมวิจัยเทคโนโลยีเกษตรดิจิทัล เนคเทค สวทช. เผยว่า การผลิตไข่ผำในยุคใหม่นี้มีการผสานข้อมูลจากการตรวจวัดความต้องการของพืช ซึ่งได้รับความร่วมมือจากไบโอเทค สวทช. ทำให้สามารถจัดการกระบวนการผลิตได้อย่างแม่นยำ ทั้งด้านปริมาณ คุณภาพ และความปลอดภัย นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนานวัตกรรมหลังการเก็บเกี่ยว เพื่อรักษาคุณภาพของไข่ผำให้คงคุณค่าสูงสุดก่อนถึงมือผู้บริโภค นับเป็นอีกก้าวสำคัญของวงการเกษตรไทย ที่ใช้เทคโนโลยีขับเคลื่อนสู่การผลิตอย่างยั่งยืนในอนาคต เพื่อพัฒนาสูตรการผลิตเฉพาะ (Growth Recipe) สำหรับการเพาะเลี้ยงไข่ผำอย่างเหมาะสมในแต่ละรอบการผลิต ทีมงานได้ติดตามตรวจวัดสภาพอากาศและคุณภาพน้ำในบ่อเพาะเลี้ยงตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้สามารถปรับกระบวนการเพาะเลี้ยงให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงตลอดปี โดยสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ทุก 7 วัน และได้ไข่ผำแห้งที่มีปริมาณโปรตีนเฉลี่ยประมาณ 40% ต่อ 100 กรัม ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการวางแผนการผลิตและเพิ่มประสิทธิภาพในระยะยาว
HandySense เทคโนโลยีเกษตรอัจฉริยะจากเนคเทค สวทช. ช่วยเกษตรกรควบคุมฟาร์มอย่างแม่นยำ
ดร.นริชพันธ์ เป็นผลดี หัวหน้าทีมวิจัยเทคโนโลยีเกษตรดิจิทัล เนคเทค สวทช. เผยว่า ระบบ HandySense ที่ติดตั้งในฟาร์ม Pro-T Farm สามารถช่วยตรวจวัดสภาพน้ำและอากาศแบบเรียลไทม์ผ่านชุดเซนเซอร์ เช่น ค่าออกซิเจนละลายในน้ำ (DO), อุณหภูมิ, ความชื้น, ก๊าซ CO2, ความเข้มข้นปุ๋ย (EC), pH (เหมาะสมที่ 5–6.5), อุณหภูมิน้ำ (25–30°C) และความเข้มแสง (200 µmol/s/cm²) ระบบนี้เชื่อมต่อกับสมาร์ตโฟน ใช้งานง่าย ช่วยให้เกษตรกรติดตามสถานการณ์และปรับสภาพแวดล้อมได้อย่างแม่นยำ เช่น เปิดไฟ LED เสริมเมื่อแสงไม่พอ หรือเพิ่มน้ำเมื่ออุณหภูมิน้ำสูงเกินไป เพื่อให้พืชสังเคราะห์แสงได้เต็มประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ สวทช. โดยศูนย์ทีเมค ยังได้พัฒนาเครื่องตรวจวัดไนเตรทในผลผลิตไข่ผำ เพื่อให้ประชาชนบริโภคอาหารอย่างปลอดภัย สอดคล้องกับมาตรฐาน CODEX ยกระดับความรู้ด้านโภชนาการและสุขภาพอย่างยั่งยืน
จับมือ มรภ.ฉะเชิงเทรา พัฒนาเทคโนโลยีหลังเก็บเกี่ยว ด้วยฟรีซดราย
เนคเทคและมรภ.ราชนครินทร์ จ.ฉะเชิงเทราจับมือพัฒนานวัตกรรม "ไข่ผำปลอดเชื้อ" สู่ต้นแบบฟาร์มอัจฉริยะ ดร.ศุภนิจ จากเนคเทค สวทช. เผยความก้าวหน้าของการวิจัยพัฒนา “ไข่ผำ” พืชโปรตีนสูงแห่งอนาคต โดยร่วมมือกับนักวิจัยมหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์ พัฒนาเทคโนโลยีครบวงจรตั้งแต่การตรวจวัดแบบเรียลไทม์ในกระบวนการผลิต ไปจนถึงกระบวนการหลังเก็บเกี่ยว (Post-Harvest) ที่เน้นความปลอดภัยเป็นหัวใจสำคัญ
หนึ่งในเทคโนโลยีเด่น คือ ระบบล้างไข่ผำด้วยนาโนบับเบิลและโอโซน เพื่อลดความเสี่ยงจากสารปนเปื้อนและจุลินทรีย์ ทำให้ได้ไข่ผำที่สะอาด ไม่มีกลิ่นเหม็นเขียว และเก็บรักษาได้นาน นอกจากนี้ยังนำเทคนิค ฟรีซดราย (Freeze Dry) มาผลิตไข่ผำแห้งที่ยังคงคุณค่าทางโภชนาการ สี กลิ่น และความสามารถในการแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่า และอีกก้าวของงานวิจัยนี้คือการจัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) เพื่อพัฒนา โมเดล AI ที่สามารถวิเคราะห์สูตรการผลิต พยากรณ์คุณภาพผลผลิต และต่อยอดสู่ระบบฟาร์มอัตโนมัติในอนาคต
สิ่งสำคัญและเป็นหัวใจของการเลี้ยงไข่ผำ คือ ความปลอดภัย ความรู้ที่ถูกต้อง และการควบคุมคุณภาพอย่างแม่นยำ ให้ผู้บริโภคมั่นใจว่า ไข่ผำที่ได้สะอาด ปลอดภัย และโปรตีนสูงแน่นอน” ดร.ศุภนิจ กล่าวทิ้งท้าย
การเลี้ยง "ผำพรีเมียม” มีอนาคต ทางเลือกใหม่ยกระดับรายได้เกษตรกร
เกษตรกรตัวอย่าง พลิกวิกฤต! เปลี่ยนจากเลี้ยงกุ้งมาเลี้ยง “ไข่ผำพรีเมียม” รายได้พุ่งเดือนละ 2 แสน เมื่ออุตสาหกรรมการเลี้ยงกุ้งเจอทางตัน จึงหันมาจับทางใหม่ ด้วยการเลี้ยง ไข่ผำแบบพรีเมียม โดยใช้บ่อเลี้ยงกุ้งเก่าและอุปกรณ์เดิมได้ทันที ไม่ต้องลงทุนเพิ่ม
นายบรรจง นิสภวาณิชย์” ประธานสมาพันธ์การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำไทย เจ้าของ “บรรจงฟาร์ม” เล่าให้ฟังว่า ที่ฟาร์ม เลี้ยงผำพรีเมี่ยม โดยนำเทคโนโลยีจาก สวทช. พัฒนาขึ้นมาควบคุมคุณภาพ ยกระดับมาตรฐาน “ผำ” ให้มีคุณภาพ ปลอดภัยและมีราคาที่ชัดเจน พร้อมเปิดตัว Pro-T Farm ฟาร์มต้นแบบที่มีบ่อไข่ผำถึง 75 บ่อ ผลิตได้มากกว่า 2 ตันต่อเดือน สร้างรายได้สูงสุดถึง 200,000 บาทต่อเดือน นอกจากนี้ ยังเตรียมเปิด ศูนย์เรียนรู้ สำหรับเกษตรกรที่สนใจ
แนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรมการเลี้ยงไข่ผำพรีเมี่ยม ..อาหารในอนาคต และการสนับสนุนจากภาครัฐ
สำหรับการเลี้ยงไข่ผำในอนาคตจะมีการเลี้ยงแบบควบคุมมากขึ้นโดยการนำนวัตกรมด้าน AI และloTเข้ามาใช้ เพื่อรักษาคุณภาพ และความปลอดภัย เนื่องจากมีโปรตีนสูงใกล้เคียงกับเนื้อสัตว์ ตอบโจทย์กระแสแห่งอนาคต กลุ่ม Functional Food อาหารสุขภาพ อาหารสำหรับผู้สูงอายุ ทำให้ผู้บริโภคเปิดรับไข่ผำมากขึ้นในรูแบบการแปรรูป เช่นโปรตีนผง แคปซูลสำหรับคนรักสุขภาพ
ไข่ผำ มีศักยภาพสูงมีโปรตีนสะอาดตอบโจทย์อาหารแห่งอนาคตทั้งในรูปแบบอาหารเสริม เครื่องดิ่ม ผลิตภัณฑ์สุขภาพ ภาครัฐควรให้การส่งเสริม สนับสนุน ทั้งด้านเทคโนโลยีและการตลาด ก็สามารถกลายเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ส่งออกที่สำคัญของไทยได้ในอนาคต
สนใจรับซื้อไข่ผำ หรือเยี่ยมชมฟาร์มต้นแบบ ติดต่อ “นายบรรจง” โทร. 081-636-6362