Last updated: 1 มิ.ย. 2568 | 131 จำนวนผู้เข้าชม |
สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) ผนึกกำลังจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดย Chula Unisearch และ CU Innovation Hub เปิดตัว ศูนย์ Node PMU-NIA ภาคกลางฯ อย่างเป็นทางการ! พร้อมจัด Roadshow ครั้งที่ 2/2568 เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2568 ณ ห้องประชุมทวารวดี 2 ชั้น 2 โรงแรมไมด้า แกรนด์ ทวารวดี จ.นครปฐม กระตุ้นผู้ประกอบการทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑลในพื้นที่ 26 จังหวัด ขับเคลื่อนโครงการนวัตกรรมด้านเศรษฐกิจ Regional Innovation Business Platform เชื่อมต่อแหล่งทุน พัฒนานวัตกรรมเต็มระบบ
ศาสตราจารย์ เภสัชกรหญิง ดร.พรอนงค์ อร่ามวิทย์ รองอธิการบดี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประธานในพิธี กล่าวเปิดกิจกรรมว่า “ความร่วมมือกับ NIA ในการขับเคลื่อนและดำเนินโครงการนวัตกรรมด้านเศรษฐกิจ Regional Innovation Business Platform เพื่อสนับสนุนทุนผู้ประกอบการฐานนวัตกรรม ในพื้นที่ 26 จังหวัดภาคกลาง ตะวันออก และตะวันตก ให้มีโอกาสได้พัฒนาศักยภาพ และเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันทั้งในระดับประเทศและระดับโลก โดยต่อยอดองค์ความรู้จากจุฬาฯ สู่การสร้างนวัตกรรมด้วยการบ่มเพาะผู้ประกอบการ นับเป็นก้าวสำคัญในการเปลี่ยนแปลง เพราะความร่วมมือนี้เปิดโอกาสให้นักวิจัยได้ใกล้ชิดกับผู้ประกอบการมากขึ้น เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลเชิงลึก โดยเฉพาะ "Pain Point" หรือปัญหาที่แท้จริงในภาคธุรกิจ ซึ่งสามารถนำมาวิเคราะห์และต่อยอดงานวิจัยให้ตอบโจทย์ภาคอุตสาหกรรมและภาคสังคมได้มากขึ้น
ที่สำคัญ การทำงานร่วมกับผู้ประกอบการยังเปิดโอกาสให้นักวิจัยได้ "Adapt" หรือปรับใช้แนวคิดและประสบการณ์จากภาคธุรกิจให้เข้ากับองค์ความรู้ทางวิชาการ ซึ่งนำไปสู่การใช้ประโยชน์จากงานวิจัยอย่างเป็นรูปธรรม และเกิดผลกระทบเชิงบวกในวงกว้าง
ศาสตราจารย์ เภสัชกรหญิง ดร.พรอนงค์ อร่ามวิทย์ ยังชี้ให้เห็นอีกว่า "เงินทุนไม่ใช่อุปสรรค หากมีความมุ่งมั่น" แม้ผู้ประกอบการจำนวนมากมักมองว่า “การเข้าถึงแหล่งทุน” เป็นอุปสรรคสำคัญ แต่ในความเป็นจริงแล้ว แหล่งทุนมีอยู่มากมาย ทั้งจากภาครัฐ และเอกชน ซึ่งไม่ได้เป็นปัญหาเลย แท้จริงแล้วปัญหากลับอยู่ที่ “ทัศนคติ” และ “ความพยายาม” ของผู้ประกอบการเอง พอเจอเงื่อนไขโครงการที่ดูซับซ้อน ก็ถอยออกทันที ทั้งที่จริงแล้ว หากเข้าใจกลไกการสนับสนุนทางการเงินอย่างถูกต้องและมีความตั้งใจจริง โอกาสก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม
"ศักยภาพในพื้นที่ 26 จังหวัด คือโอกาสในการเฟ้นหาเพชรแท้"
ในเฟสแรกของโครงการ มีการทำงานในพื้นที่กว่า 26 จังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งแต่ละจังหวัดต่างมีลักษณะของผู้ประกอบการที่แตกต่างกัน ทั้งในแง่ศักยภาพ ทรัพยากร และแนวทางการดำเนินธุรกิจ ความท้าทายสำคัญคือการค้นหา “ผู้ประกอบการที่ใช่” ซึ่งจะสามารถพัฒนาและขับเคลื่อนนวัตกรรมให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม การมีเครือข่ายในระดับจังหวัดคือจุดแข็งของโครงการ ทำให้สามารถลงลึกถึงพื้นที่จริง คัดเลือกและบ่มเพาะผู้ประกอบการที่มีศักยภาพสูงได้อย่างแม่นยำ
การบ่มเพาะผุ้ประกอบการ ครั้งนี้ เรามองไกลโดยมีเป้าหมายสร้างรายได้จากนวัตกรรมไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาทต่อปี และหวังว่าผู้เข้าร่วมโครงการอย่างน้อย 10% จะสามารถทำได้จริงในระยะยาว
ในระยะเริ่มต้น โครงการตั้งเป้าบ่มเพาะ 40 โครงการ ซึ่งคาดว่าจะสามารถสร้างผลตอบแทนรวมได้ราว 200 ล้านบาทภายใน 1 ปี นับเป็นการเริ่มต้นที่มีพลังและศักยภาพสูงในการสร้างโมเดลธุรกิจที่ยั่งยืน
“มองสู่ตลาดอาเซียน ขยายความร่วมมือเชิงกลยุทธ์”
ในด้านการตลาด โครงการมีวิสัยทัศน์ในการขยายตัวเชิงภูมิภาค โดยอยากเห็น NIA มีบทบาทในการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างผู้ประกอบการในประเทศให้จับมือกันให้แน่นมากขึ้น และมองหาตลาดที่ใกล้ตัว เช่น กลุ่มประเทศอาเซียน พร้อมทั้งส่งเสริมให้นำผลิตภัณฑ์หรือแนวคิดนวัตกรรมไปจัดแสดงและแลกเปลี่ยนกันในเวทีระดับภูมิภาคมากยิ่งขึ้น
กิจกรรม Roadshow ครั้งนี้ เป็นโอกาสสำคัญในการสร้างเครือข่ายและแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างหน่วยงานและผู้ประกอบการ โดยเฉพาะในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคกลาง-ตะวันตก (CWEC) ครอบคลุม 4 จังหวัด ได้แก่ อยุธยา นครปฐม สุพรรณบุรี และกาญจนบุรี พร้อมทั้งแนะนำการสนับสนุนทุนจาก NIA เพื่อส่งเสริมนวัตกรรมและการเติบโตของธุรกิจในพื้นที่และประเทศชาติต่อไป”
ด้านคุณเฉลิมพงษ์ กล้าขยัน จาก NIA กล่าวว่า ปีนี้มีความร่วมมือกับจุฬาฯ ผ่านศูนย์ Chula Unisearch และ CU Innovation Hub พร้อมเปิดตัว กลไกการให้ทุนใหม่ ภายใต้แพลตฟอร์ม Regional Innovation Business Platform ที่ออกแบบมาให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ประกอบการในพื้นที่มากขึ้น ผ่าน 5 กลไกทุนใหม่ ได้แก่
1. กลไกการสนับสนุนทุนโครงการนวัตกรรมแบบเปิด (Open Innovation ) พัฒนาผลิตภัณฑ์ต้นแบบ ทดสอบตลาดจริง สร้างรายได้ทันที
2. กลไกการขยายผลนวัตกรรมในระดับภูมิภาคสู่ตลาด (Regional Market Validate ) ขยายฐานลูกค้าในประเทศและต่างประเทศ
3. กลไกการสนับสนุนที่ปรึกษาเพื่อพัฒนานวัตกรรม (MIND) ใช้ที่ปรึกษาช่วยยกระดับองค์กรให้แข่งขันได้
4. กลไกการสนับสนุนการพัฒนามาตรฐานสำหรับธุรกิจนวัตกรรม (Standard Testing) ขอขึ้นทะเบียน/รับรองมาตรฐานเพื่อเร่งโต
5. กลไกการขยายธุรกิจนวัตกรรม (Market Expansion) ทดสอบตลาดใหม่กับกลุ่มเป้าหมายแบบตรงจุด
คุณเอกธัช ภัทระโภคพัฐ ผู้จัดการ Node PMU-NIA ภาคกลางฯได้กล่าวทิ้งท้ายว่า แม้จุฬาฯ จะเข้ามาดำเนินงานในฐานะ Node เป็นปีแรก แต่เชื่อมั่นว่าความร่วมมือกับ NIA และเครือข่ายในพื้นที่จะสามารถผลักดันผู้ประกอบการในพื้นที่เข้าถึงทุนของโครงการได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยในปีนี้ Node PMU-NIA ภาคกลางฯ ได้มีการจัดกิจกรรม Regional Innovation Business Platform Roadshow ภาคกลาง กรุงเทพฯ และปริมณฑล ขึ้นเป็นครั้งที่ 2 แล้ว โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อประชาสัมพันธ์กลไกการสนับสนุนทุนของ NIA และส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยและผู้ที่สนใจได้มีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพิ่มมากขึ้น
ภายในงานยังมีไฮไลต์พิเศษ! บรรยายหัวข้อ “Consumer Insight and Journey for Sustainability” โดย ผศ.ดร.สุทธิภัทร อัศววิชัยโรจน์ จาก ม.นานาชาติแสตมฟอร์ด แนะเทรนด์พฤติกรรมผู้บริโภค พร้อมทางรอดธุรกิจบนแนวคิดความยั่งยืน
ติดตามข้อมูลและสมัครรับทุนได้ที่: เว็บไซต์: www.nia.or.th / Facebook: NIA - National Innovation Agency Thailand และ Node NIA ภาคกลางฯ
21 ส.ค. 2566