คนไทยเฮ ! ได้ใช้จริง CU Engineering Enterprise วิศวฯ จุฬาฯ ปล่อย 2 สตาร์ทอัพเขย่าโลก

Last updated: 21 ส.ค. 2568  |  222 จำนวนผู้เข้าชม  | 

 คนไทยเฮ ! ได้ใช้จริง  CU Engineering Enterprise วิศวฯ จุฬาฯ ปล่อย 2 สตาร์ทอัพเขย่าโลก

คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กำลังสร้างพื้นที่ใหม่ในการขับเคลื่อนนวัตกรรมสู่สังคม ผ่าน “CU Engineering Enterprise” บริษัท Spin-off ที่เกิดขึ้นเพื่อทำให้งานวิจัยและความรู้ของอาจารย์–นิสิต ถูกต่อยอดจนกลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่จับต้องได้จริง  MUTHA – ขาเทียมเปลี่ยนชีวิต METICULY – กระดูกไทเทเนียมกู้ชีวิต

จากการเรียนรู้สู่การสร้างสังคม


รศ. ดร.วิทยา วัณณสุโภประสิทธิ์ คณบดีวิศวฯ จุฬาฯ ย้ำว่า การพัฒนาคนสำคัญไม่แพ้การพัฒนาเทคโนโลยี เพราะ “คน” คือทรัพยากรที่ทรงพลังที่สุด วิศวกรรมศาสตร์ที่นี่จึงไม่ได้ทำเพื่อเทคโนโลยีเท่านั้น แต่เพื่อ “ผู้คน” ตั้งแต่ผู้ป่วยที่ต้องการกระดูกเทียมเฉพาะบุคคล ไปจนถึงผู้พิการที่อยากกลับมาใช้ชีวิตใกล้เคียงปกติ

นอกจากการเรียนการสอนแล้ว คณะฯ ยังเปิดหลักสูตรเสริมทักษะ Soft Skills ให้สังคมทั่วไป และสร้างระบบนิเวศนวัตกรรม ที่เปิดโอกาสให้บุคลากรและนิสิตได้ต่อยอดไอเดียจนกลายเป็นธุรกิจจริงที่สร้างประโยชน์ต่อผู้คนและสังคมอย่างแท้จริง

ปัจจุบัน CU Engineering Enterprise มีหลายบริษัทในเครือที่พัฒนานวัตกรรมออกสู่ท้องตลาด เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตและแก้ปัญหาสังคมทั้งในไทยและต่างประเทศ ตัวอย่างเช่น Meticuly (เมติคูลี่) ผู้ผลิตกระดูกเทียมไทเทเนียมเฉพาะบุคคลที่ใช้ทดแทนกระดูกที่เสียหายได้อย่างมีประสิทธิภาพ และ MUTHA (มุทา) ผู้พัฒนาเท้าเทียม Dynamic sPace ที่ช่วยให้ผู้พิการกลับมาใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงปกติอีกครั้ง


จุดเริ่มต้นมาจากพระราชดำริของ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ที่พระราชทานแนวคิด “นำงานวิจัยจากหิ้งสู่ห้าง” และวันนี้จุฬาฯ ได้พิสูจน์แล้วว่าไม่ใช่เพียงแค่คำสัญญา แต่คือความจริงที่เกิดขึ้นแล้ว   คุณศุภชัย ชุติกุศล ประธาน เจ้าหน้าที่บริหาร CU Engineering Enterprise กล่าวว่ากว่า 112 ปี ที่วิศวฯ จุฬาฯ เดินหน้าพัฒนาประเทศ ผ่านการบ่มเพาะบุคลากรคุณภาพอย่างต่อเนื่อง ภายใต้แนวคิดตามพระราชดำริของ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เมื่อปี 2556  

จากแนวคิดนี้ จุฬาฯ จึงจัดตั้ง CU Enterprise เพื่อผลักดันงานวิจัยให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่จับต้องได้ และคณะวิศวกรรมศาสตร์ก็สานต่อด้วยการตั้ง CU Engineering Enterprise เพื่อเป็นสะพานเชื่อมงานวิจัย–นวัตกรรมให้กลายเป็นธุรกิจที่ช่วยแก้ปัญหาสังคมจริง ตอบโจทย์ปณิธานของคณะฯ ที่มุ่งสร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning) พร้อมบ่มเพาะ “นวัตกร” ให้เติบโตอย่างมีคุณค่า และขับเคลื่อนสังคมไทยอย่างยั่งยืน

สตาร์ทอัพจากห้องเรียนสู่สังคมจริง  ตัวอย่างความสำเร็จจาก  สู่สิทธิบัตรทอง ประกันสังคม และบัตรข้าราชการ

Meticuly (เมติคูลี่)


ผศ.ดร.เชษฐา พันธ์เครือบุตร เผยว่า จุดเริ่มต้นของ Meticuly มาจากการใช้ศาสตร์วิศวกรรมช่วยแพทย์ ผ่านเทคโนโลยี Metal 3D Printing ผลิต กระดูกเทียมไทเทเนียมเฉพาะบุคคล (Patient-specific implant) ที่ออกแบบให้เข้ากับร่างกายผู้ป่วยแต่ละรายโดยตรง   ซึ่งมีขั้นตอนการผลิตที่ไม่ซับซ้อนโดย

1. สแกน CT Scan – เก็บข้อมูลภาพกระดูกผู้ป่วย

2. ออกแบบดิจิทัล (CAD Design) – ทีมวิศวกรและแพทย์ออกแบบกระดูกเทียมให้ตรงสรีระ

3. พิมพ์โลหะ 3 มิติ (Metal 3D Printing) – ใช้ผงไทเทเนียมพิมพ์ขึ้นรูปทีละชั้น

4. ผ่านกระบวนการความร้อน & ขัดผิว (Post-processing) – เพื่อความแข็งแรงและปลอดภัย

5. ทดสอบและส่งมอบให้แพทย์ – ใช้ประกอบการผ่าตัดจริง
 

ด้วยกระบวนการนี้ ปัจจุบัน Meticuly มีการใช้งานแล้วกว่า 2,400 เคส ทั้งในไทยและต่างประเทศ พร้อมเดินหน้าผนวก AI เพื่อวิเคราะห์ข้อมูล CT Scan อัตโนมัติ และออกแบบโมเดลที่ซับซ้อนได้เร็วขึ้น   ในอนาคตบริษัทเตรียมต่อยอดไปยัง ทันตกรรม ศัลยกรรมช่องปาก และศัลยกรรมตกแต่งใบหน้า  แม้รายได้ยังไม่สูงตามเป้าหมาย เนื่องจากต้องลงทุนพัฒนาเทคโนโลยี โดยเฉพาะด้านฮีทเทคและมาตรฐานต่าง ๆ แต่เราสามารถทำได้รวดเร็วกว่าหลายประเทศ ใช้เวลาเพียง 5 ปี ในขณะที่ประเทศอื่นต้องใช้ถึง 8 ปี ผลิตภัณฑ์ต้องผ่านการขึ้นทะเบียนกับโรงพยาบาลและให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญใช้งาน เพื่อความมั่นใจด้านคุณภาพและความปลอดภัย   เป้าหมายสำคัญของเราคือให้คนไทยได้ใช้เทคโนโลยีที่ดีที่สุด ในราคาที่เข้าถึงได้ ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือและการสนับสนุนจากหลายภาคส่วน จนกระทั่งได้รับการบรรจุเข้าสู่สิทธิบัตรทอง ประกันสังคม และสิทธิข้าราชการในปีนี้ และเตรียมขยายการใช้งานทั่วประเทศ  ในอีกมิติหนึ่ง เพื่อให้คนไทยเข้าถึงสิทธินี้ได้อย่างยั่งยืน เราได้ขยายตลาดสู่ต่างประเทศ พร้อมผ่านการรับรองมาตรฐานสากลทั้งในสหรัฐอเมริกาและยุโรป รายได้จากการส่งออกทางการแพทย์จะถูกนำกลับมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ดียิ่งขึ้น เพื่อให้คนไทยได้ใช้ของที่มีคุณภาพดีที่สุดต่อไป

MUTHA เท้าเทียม Dynamic sPace ความหวังใหม่เพื่อผู้พิการไทย
 
จากความตั้งใจของ รศ. ดร.ไพรัช ตั้งพรประเสริฐ และทีมวิศวกรจุฬาฯ ก่อเกิด MUTHA สตาร์ทอัพนวัตกรรมขาเทียม ที่ไม่ได้เพียง “แก้ปัญหา” แต่ยังมอบ “กำลังใจ” ให้ผู้พิการได้กลับมายืนหยัดและใช้ชีวิตอย่างใกล้เคียงปกติอีกครั้ง

“ผมเชื่อมั่นว่านวัตกรรมที่สร้างสรรค์ขึ้นมาจะสามารถช่วยฟื้นฟูสังคมได้ไม่ใช่แค่เพียงแก้ปัญหาให้สังคม แต่ยังช่วยฟื้นฟูจิตใจ ให้ความหวัง และเป็นพลังให้กับผู้คนได้อีกมากมาย ดังนั้น MUTHA คือความภูมิใจของเราชาววิศวฯ จุฬาฯ ที่ได้ใช้ความรู้ความสามารถในการสร้างความหวังให้กับผู้คนได้โดยเริ่มจาก เท้าเทียม Dynamic sPace ที่ไม่เพียงแต่ทำให้ผู้พิการเท้าได้กลับมาใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงปกติแล้ว แต่ยังเป็นการมอบกำลังใจให้เขาเหล่านั้นมีพลังที่จะเดินต่อไปอย่างมั่นคงและยั่งยืน”
 

 

MUTHA ได้รับการสนับสนุนจาก สำนักงานวิจัยแห่งชาติ (วช.) ในปี 2566 และ 2567 รวมกว่า 600 ขา แจกจ่ายแก่ผู้พิการในโรงพยาบาลทั่วประเทศกว่า 40 แห่ง พร้อมเสียงตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังเข้าร่วมโครงการเฉลิมพระเกียรติ “ก้าวใหม่ด้วยวิจัยและนวัตกรรม” เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก มอบเท้าเทียม Dynamic sPace ให้โรงพยาบาล 9 แห่ง จำนวน 67 ขา รวมถึงช่วยเหลือทหารผ่านศึกและประชาชนผู้พิการ ปัจจุบัน MUTHA ได้ส่งมอบความหวังผ่านเท้าเทียมแล้วกว่า 700 ขา ทั่วประเทศ


เบื้องหลังความสำเร็จนี้คือความเชื่อมั่นของ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่มุ่งสร้างบรรยากาศแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning) ผ่านโครงการ CU Engineering Enterprise หลักสูตรพัฒนาทักษะ Soft Skills และการเปิดกว้างด้านการเรียนรู้ข้ามสาขา ร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อยกระดับการศึกษาและนวัตกรรม คณะฯ เชื่อมั่นว่าการพัฒนาคนคือรากฐานสำคัญในการสร้าง “นวัตกรเพื่อสังคม” ที่ยั่งยืน ตอบโจทย์ทั้งไทยและสังคมโลก


MUTHA ไม่ได้เป็นเพียงนวัตกรรมด้านการแพทย์ แต่คือ พลังแห่งความหวัง ที่ช่วยให้ผู้พิการหลายร้อยชีวิตกลับมาก้าวเดินบนเส้นทางชีวิตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน

CU Engineering Enterprise จึงไม่ใช่เพียงโครงการของมหาวิทยาลัย แต่คือ “ไลฟ์สไตล์แห่งการสร้างนวัตกรรม” ที่หลอมรวมความรู้ ความฝัน และการลงมือทำ ให้กลายเป็นพลังใหม่ของสังคมไทย  ทุกโปรเจกต์ตอบโจทย์ปัญหาของคนจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นคนพิการ ผู้สูงอายุ หรือคนที่ต้องการการเข้าถึงเทคโนโลยีใหม่ ๆ  และไม่ได้เป็นเพียงบริษัท Spin-off ของจุฬาฯ แต่เป็น “แรงขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง” ที่เชื่อมงานวิจัยเข้ากับความต้องการของสังคมสู่ธุรกิจ และนี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของสตาร์ทอัพไทยอีกมากมาย ที่จะก้าวขึ้นสู่เวทีโลกในอนาคต   ทั้งหมดสะท้อนว่า “วิศวกรรมไม่ใช่แค่การสร้างเครื่องจักร” แต่คือการสร้างชีวิตใหม่และธุรกิจสู่สังคม

 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้