Last updated: 1 มิ.ย. 2568 | 87 จำนวนผู้เข้าชม |
ธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนในปี 2025 ยังคงเดินหน้าเติบโต ท่ามกลางแรงผลักดันจากหลายปัจจัย ทั้งการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ ความต้องการบริการทางการแพทย์ที่มีคุณภาพสูง และกระแส “การแพทย์แม่นยำ” ที่ขับเคลื่อนโดยเทคโนโลยี AI และข้อมูลสุขภาพขนาดใหญ่ (Big Data)
ขณะเดียวกัน ผู้ให้บริการในตลาดโรงพยาบาลต้องเผชิญความท้าทายจากการแข่งขันที่รุนแรง ต้นทุนบุคลากรและเวชภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคที่คาดหวังการบริการแบบเฉพาะบุคคล และเข้าถึงได้รวดเร็ว
การดูแลสุขภาพแบบ Preventive Healthcare กลายเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์หลักที่โรงพยาบาลหลายแห่งให้ความสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นแพ็กเกจตรวจสุขภาพเฉพาะทาง การวิเคราะห์พันธุกรรมเพื่อคัดกรองโรค และระบบติดตามสุขภาพผู้ป่วยเรื้อรังแบบ real-time โรงพยาบาลขนาดกลางและขนาดใหญ่ต่างลงทุนในระบบดิจิทัล เช่น AI วินิจฉัยโรคเบื้องต้น ทั้งหมดนี้กำลังเปลี่ยนภาพลักษณ์จากโรงพยาบาลแบบเดิมให้กลายเป็น Smart Healthcare ที่บริหารงานด้วยข้อมูล และเน้นประสบการณ์ของผู้รับบริการ
โรงพยาบาลวิมุตเป็น โรงพยาบาลเอกชนชั้นนำปรับสู่ Smart Healthcare อย่างเต็มรูปแบบ ด้วยกลยุทธ์ B.E.S.T ที่เน้นการยกระดับประสบการณ์ด้านสุขภาพแบบไร้รอยต่อ ทั้งด้านเทคโนโลยี ทีมแพทย์เฉพาะทาง การบริการที่ชาญฉลาด และความโปร่งใสตรวจสอบได้ ทั้งยังมุ่งส่งมอบนวัตกรรมการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันและรักษาแบบครบวงจร พร้อมพัฒนาเครือข่าย Centers of Excellence รองรับโรคเฉพาะทาง ล่าสุดเปิด “ศูนย์สุขภาพปอดวิมุต” ใช้เทคโนโลยี EBUS วินิจฉัยโรคปอดแม่นยำ เจ็บน้อย ฟื้นตัวเร็ว ตอบรับปัญหามลพิษและโรคทางเดินหายใจที่ทวีความรุนแรงในไทย.
นพ.นิพัฒน์ กุหลาบขาว CEO รพ.วิมุต ย้ำพันธกิจยกระดับการแพทย์ทุกมิติ ทั้งนวัตกรรม บริการที่เข้าใจผู้ป่วย และทีมแพทย์สหสาขา มุ่งเป็น “โรงพยาบาลเอกชนมิติใหม่” รองรับเมกะเทรนด์สุขภาพ ทั้งสังคมสูงวัยและโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs)
ในปี 2567 ที่ผ่านมา มีรายได้รวม 1,203 ล้านบาท เติบโต 35% ตั้งเป้าโตเพิ่ม 40% ในปี 2568 สอดคล้องการเติบโตของอุตสาหกรรมสุขภาพไทย ที่คาดแตะ 880,500 ล้านบาทในปี 2573 ในโอกาสก้าวสู่ปีที่ 5 รพ.วิมุต เดินหน้าพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อตอบโจทย์ทุกความท้าทายด้านสุขภาพของคนไทยอย่างแท้จริง
นพ.นิพัฒน์ ย้ำอีกว่า “ ปัจจุบันปัญหาสุขภาพของสังคมไทยมีความซับซ้อนและเร่งด่วน ทั้งวิกฤตฝุ่น PM2.5 ที่ทำให้กรุงเทพฯ ติดอันดับ 8 เมืองอากาศแย่ที่สุดในโลก ปัญหาการใช้บุหรี่ไฟฟ้าในเยาวชน โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง และสุขภาพจิตหลังโควิด-19 ตลอดจนโรคอุบัติใหม่และการดื้อยา ทั้งหมดนี้สะท้อนความจำเป็นที่คนไทยต้องมีระบบสุขภาพที่เข้มแข็ง ยืดหยุ่น และยั่งยืน โดยต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพื่อสร้าง “พันธมิตรด้านสุขภาพที่ทุกครอบครัวไว้ใจ” อย่างแท้จริง ”
นายแพทย์สุวาณิช เตรียมชาญชูชัย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวิมุต ชี้ให้เห็นว่า ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา รพ. วิมุต มุ่งสร้างระบบนิเวศสุขภาพแบบไร้รอยต่อ ครอบคลุมการป้องกัน รักษา ฟื้นฟู และส่งเสริมคุณภาพชีวิต ภายใต้หลัก 3 ประการ คือ ทีมแพทย์สหสาขาที่เชี่ยวชาญ การดูแลครอบคลุมทุกมิติ ความรวดเร็วในทุกกระบวนการพร้อมเดินหน้าภายใต้กลยุทธ์ B.E.S.T ได้แก่
B - Beyond Technology: เทคโนโลยีที่ตอบโจทย์
E - Expertise with Heart: ทีมแพทย์เฉพาะทางที่เข้าใจผู้ป่วย
S - Smart Service Experience: บริการที่เชื่อมต่ออย่างไร้รอยต่อ
T - Trust & Transparency: ความโปร่งใส ตรวจสอบได้ เพื่อก้าวสู่การเป็น “โรงพยาบาลเอกชนมิติใหม่” และนำพาไทยสู่ยุค Smart Healthcare พร้อมตอบรับเทรนด์สุขภาพโลก มุ่งแก้ปัญหา NCDs ที่คร่าชีวิตคนไทยปีละกว่า 4 แสนราย โดยเปิด ศูนย์สุขภาพปอดวิมุต รับมือวิกฤตมลพิษและโรคทางเดินหายใจ ยกระดับไทยสู่ Smart Healthcare อย่างแท้จริง.
รพ.วิมุต ยกระดับการรักษาโรคระบบทางเดินหายใจ แบบองค์รวมและเทคโนโลยีล้ำสมัยด้วย EBUS
ผศ.นพ.วิรัช ตั้งสุจริตวิจิตร เผยว่า “โรคระบบทางเดินหายใจเป็นความท้าทายที่ซับซ้อนมากขึ้นจากโควิด-19 ไข้หวัดใหญ่ RSV และ PM2.5 ที่ล้วนส่งผลระยะยาวต่อสุขภาพปอด โดยเฉพาะ PM2.5 ที่เป็น “ภัยเงียบ” เชื่อมโยงกับโรคร้ายแรงอย่างมะเร็งปอด
ศูนย์สุขภาพปอดวิมุต จึงเน้นการดูแลแบบครบวงจร ทั้งการคัดกรอง ตรวจสมรรถภาพปอด ตรวจหลอดลมด้วยกล้อง และวินิจฉัยด้วย EBUS เทคโนโลยีใหม่ที่แม่นยำโดยไม่ต้องผ่าตัด ช่วยวางแผนรักษาได้ตรงจุด เจ็บน้อย ฟื้นตัวเร็ว ดำเนินงานภายใต้แนวคิด CHEST ที่รวมความร่วมมือหลายสาขา การดูแลเฉพาะราย และฟื้นฟูสุขภาพปอดอย่างเป็นระบบ พร้อมมุ่งสร้าง ระบบสุขภาพยั่งยืน ที่คนไทยทุกกลุ่มเข้าถึงได้ ด้วยมาตรฐานสากล ค่ารักษาเป็นธรรม “
ทั้งหมดนี้สะท้อนถึงพันธกิจของวิมุตในการยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทย ด้วยการนำนวัตกรรมและความเข้าใจผู้ป่วยมาใช้จริง พร้อมก้าวสู่การเป็นผู้นำในระบบสุขภาพแห่งอนาคต.Medical Tourism ยังเป็นรายได้หลัก – มุ่งเจาะกลุ่มพรีเมียม โรงพยาบาลเอกชนชั้นนำยังคงวางตำแหน่งตัวเองเป็น “ศูนย์กลางสุขภาพของภูมิภาค” (Medical Hub) โดยมีลูกค้าหลักจากตะวันออกกลาง เมียนมา กัมพูชา จีน และบังกลาเทศ ซึ่งมองว่าการรักษาในไทยมีมาตรฐานเทียบเท่าระดับโลก แต่มีต้นทุนที่ต่ำกว่าหลายประเทศ
อนาคตของ “โรงพยาบาลวิมุต” กับบทบาทใหม่ของวงการสุขภาพ
ในยุคที่ผู้คนหันมาใส่ใจสุขภาพแบบองค์รวม โรงพยาบาลไม่ใช่แค่ “ที่รักษาเมื่อเจ็บป่วย” อีกต่อไป แต่โรงพยาบาลยุคใหม่ต้องพัฒนาเป็น แพลตฟอร์มดูแลสุขภาพตลอดชีวิต ที่ผสานบริการด้านเวลเนส ไลฟ์สไตล์สุขภาพ การติดตามผลต่อเนื่อง และการให้คำปรึกษาทางไกลอย่างมีระบบ “วิมุต” กำลังเดินหน้าในแนวทางนี้ ด้วยการบูรณาการ แพทย์ เทคโนโลยี และประสบการณ์ของผู้ป่วย เข้าไว้ด้วยกัน สู่การเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมสุขภาพแห่งอนาคต ที่ไม่ใช่แค่รักษา แต่ดูแลชีวิตในทุกมิติ.
27 พ.ค. 2568