Last updated: 19 ก.ค. 2568 | 464 จำนวนผู้เข้าชม |
ประเทศไทยเดินหน้าเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำอย่างจริงจัง ด้วยการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่าง 10 หน่วยงานหลัก เพื่อร่วมกันพัฒนาฐานข้อมูลและตัวชี้วัดด้าน CO₂ เศรษฐกิจหมุนเวียน (CE) และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) อันเป็นกลไกสำคัญในการสนับสนุนการกำหนดนโยบายและการขับเคลื่อนประเทศอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน
ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวว่า “สวทช. เป็นขุมพลังหลักด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม (วทน.) เพื่อสนับสนุนการพัฒนาประเทศ ภายใต้แนวคิด S&T Implementation for Sustainable Thailand โดยมอบหมายให้สถาบัน TIIS ภายใต้ศูนย์เอ็มเทค เป็นหน่วยงานหลักขับเคลื่อนแผนงานพัฒนาฐานข้อมูลและตัวชี้วัด CO₂, CE และ SDGs เพื่อหนุนเป้าหมาย Net Zero ในปี 2593” พร้อมระบุว่า สวทช. จะทำหน้าที่เป็นเลขานุการเครือข่ายร่วมกับ สอวช. เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่มีมาตรฐานระดับสากล
ด้าน นางสาววรรณภา คล้ายสวน ผู้อำนวยการกองยุทธศาสตร์ฯ สศช. เน้นย้ำถึงความสำคัญของข้อมูลและตัวชี้วัดในการประเมินระดับการพัฒนาของประเทศ โดยเฉพาะด้านสิ่งแวดล้อม เช่น การปล่อยก๊าซเรือนกระจก การผลิตและการบริโภคอย่างยั่งยืน และเศรษฐกิจหมุนเวียน ซึ่งล้วนเชื่อมโยงกับ “หมุดหมายที่ 10” ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 ที่มุ่งสู่เศรษฐกิจหมุนเวียนและสังคมคาร์บอนต่ำ
รองศาสตราจารย์ วงกต วงศ์อภัย รองผอ. สอวช. กล่าวว่า สอวช. กำลังขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจหมุนเวียนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยได้พัฒนา Green Enterprise Indicator (GEl) และตัวชี้วัดเศรษฐกิจสีเขียว ซึ่งสอดรับกับความร่วมมือครั้งนี้ พร้อมตั้งเป้าลดการปล่อย CO₂ ได้ถึง 10 ล้านตัน
ดร.วิจารย์ สิมาฉายา ผู้อำนวยการมูลนิธิสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย (มสท.) กล่าวว่า มสท. จะทำหน้าที่สนับสนุนข้อมูลความต้องการของภาคอุตสาหกรรมและภาคส่วนต่าง ๆ เสนอโจทย์วิจัย พัฒนาเทคโนโลยี และให้คำปรึกษาเชิงวิชาการ เพื่อเสริมศักยภาพของ สวทช. ในการพัฒนาเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์การลดคาร์บอนอย่างเป็นรูปธรรม
ในมุมของการขับเคลื่อนเชิงนโยบาย ดร.ชญานันท์ ภักดีจิตต์ เลขาธิการ สผ. กล่าวเสริมว่า สผ. จะทำหน้าที่รวบรวม บูรณาการ และจัดทำข้อมูลทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้พร้อมใช้งาน เพื่อเชื่อมโยงการดำเนินการของประเทศกับแผนพัฒนาแห่งชาติและเป้าหมาย SDGs อย่างสอดคล้อง
ภาคอุตสาหกรรมก็ร่วมเป็นฟันเฟืองสำคัญ โดย นายกิตติพงศ์ ลิ่มสุวรรณโรจน์ จากสถาบันการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ส.อ.ท. ชี้ว่า สอท. พร้อมสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจากภาคอุตสาหกรรม เพื่อให้ตัวชี้วัดสอดคล้องกับบริบทเศรษฐกิจจริง อีกทั้งยังผลักดันนวัตกรรมและความร่วมมือจากเครือข่ายอุตสาหกรรมทั่วประเทศเพื่อเสริมความสามารถในการแข่งขันของไทยในเวทีโลก
สำหรับภาคธุรกิจ SMEs นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดี กสอ. กล่าวว่า กสอ. มุ่งส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะ SMEs นำแนวคิด BCG และอุตสาหกรรมสีเขียวมาใช้ในธุรกิจเพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคการผลิต
นายภุชพงค์ โนดไธสง ผอ. สสช. ระบุว่า สสช. จะร่วมพัฒนาฐานข้อมูลและตัวชี้วัดที่เป็น “สถิติทางการ” ที่แม่นยำ ทันสมัย และเชื่อถือได้ เพื่อสนับสนุนการตัดสินใจเชิงนโยบายในระดับประเทศและนานาชาติ
อีกด้านหนึ่ง นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผอ. อบก. ยืนยันว่า อบก. พร้อมใช้ความเชี่ยวชาญในการตรวจรับรองคาร์บอนฟุตพริ้นท์ตามมาตรฐานสากล มาร่วมพัฒนาแนวทางการจัดทำข้อมูลสิ่งแวดล้อมและกิจกรรมลดคาร์บอนที่สอดคล้องกับบริบทของไทย พร้อมส่งเสริมให้รายงานมีความน่าเชื่อถือและแข่งขันได้ในตลาดโลก
สุดท้าย สวทช. นำทัพ 10 หน่วยงาน ลุยพัฒนาฐานข้อมูล-ตัวชี้วัด หนุนเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ ตีตั๋วไทยสู่เวทีโลก. กล่าวสรุปว่า ความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นการสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งให้กับเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำของประเทศ โดย สส. พร้อมหนุนทั้งงบประมาณ การให้คำปรึกษานโยบาย และการออกแบบเทคโนโลยีที่เหมาะสม เพื่อนำพาประเทศไทยไปสู่ความยั่งยืนในระดับโลกอย่างแท้จริง
การร่วมมือครั้งนี้ ถือเป็นหมุดหมายสำคัญของประเทศไทยในการใช้ “วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และข้อมูล” เป็นพลังขับเคลื่อนประเทศสู่อนาคตที่ยั่งยืน