Last updated: 23 ก.ย. 2568 | 235 จำนวนผู้เข้าชม |
“ชาตรามือ” แบรนด์ชาไทยที่ทุกคนคุ้นเคย เริ่มต้นจากธุรกิจชาของตระกูล ที่อพยพจากจีนมาตั้งถิ่นฐานที่เยาวราชในปี 2463 จากนั้นได้พัฒนาผลิตภัณฑ์สู่การจดทะเบียนแบรนด์ “ชาตรามือ” ในปี 2488 เน้นผลิตภัณฑ์ชาที่เหมาะกับสภาพอากาศของไทย จากวันนั้นจนถึงวันนี้ชาตรามือได้ยืดหยัดเคียงข้างคนไทยมาแล้ว 80 ปี จากผู้บริหารรุ่นที่ 1 สู่ทายาทบริหารรุ่น 3 ที่ปัจจุบันได้ขยายผลิตภัณฑ์แบรนด์ชาตรามือหลากหลายรายการและมีสาขามากมายในห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไป
นางสาวพราวนรินทร์ เรืองฤทธิเดช กรรมการบริหาร แบรนด์ชาตรามือ เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานของบริษัทจากนี้ไป บริษัทเตรียมเพิ่มทางเลือกใหม่ให้กับผู้บริโภค ด้วยการเปิดตัวพันธมิตรที่กำลังมองหาวัตถุดิบชานำไปสร้างสรรค์เมนูใหม่ ล่าสุดในงานฉลองครบรอบ 80 ปี ชาตรามือ บริษัทได้คัดสรรค์แบรนด์อาหารและเครื่องดื่มที่มีชื่อเสียง 10 ร้านออกบูธภายในงาน “ChaTraMue Original Thai Tea Festival” ซึ่งแต่ละร้านมีเมนูอาหารยอดฮิตที่มีส่วนผสมของชาตราเป็นส่วนประกอบสำคัญ
สำหรับร้านที่เข้าร่วมสร้างสรรค์เมนูใหม่พิเศษ เมื่อวันที่ 19-21 กันยายน 2568 ที่ผ่านมาได้แก่ After You (ขนมปังเนยโสดชาไทย) Holiday pastry (ชีสทาร์ตโมจิชาไทย) Kaew boutique (ขนมชั้นชาไทย, โรลมะพร้าวอ่อนสังขยาชาไทยและพุดดิ้งชาไทยมะพร้าวนมสด) Layers (Thai tea layer cake) Moone (โรลเค้กชาไทย) Plantae (สลัชชี่โปรตีนชาไทย) Souri (มาการองชาไทย) Yole ( Yogurt shake thai tea) ถิงถิง (บัวลอยงาดำน้ำชาไทย และบิงซูชาไทย) และสุดท้ายคือร้านน้ำเต้าหู้ปูปลา (ซอฟเสิร์ฟชาไทยงาดำ และน้ำเต้าหู้ชาไทย)
ในส่วนของพันธมิตรรายใหม่ที่จะเข้ามาร่วมงานกับบริษัท จะพิจารณาจากมุมมองและความคิดเห็นที่ตรงกันเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ จากนั้นจะมีการทำวิจัยและพัฒนาเพื่อนำเสนอเมนูใหม่ออกวางจำหน่ายที่สาขาของแต่ละแบรนด์ต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปี
ขณะที่ แผนการขยายสาขาแบรนด์ชาตรามือ บริษัทยังคงมุ่งเน้นขยายสาขาในประเทศ ปัจจุบันมีสาขาทั้งสิ้น 225 สาขา และในต่างประเทศ เน้นการขายแฟรนไชส์เป็นหลัก เนื่องจากแต่ละประเทศมีวัฒนธรรมและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน และมองว่าการมีพันธมิตรท้องถิ่นจะช่วยส่งเสริมแบรนด์ได้ดีกว่า ซึ่งปัจจุบันมีสาขาในต่างประเทศแล้ว 130 สาขา เช่น สหรัฐอเมริกา, สิงคโปร์, เมเลเซีย, จีน, ฮ่องกง, ฟิลิปปินส์ เป็นต้น และภายในปีนี้จะขยายแฟรนไชส์ที่ประเทศแคนาดา, อังกฤษ, อินโดนีเซีย และแม็กซิโก ตอกย้ำนโยบายการขยายชาตรามือของไทยครอบคลุมตลาดโลก
นางสาวพราวนรินทร์ เผยต่อว่า ในปี 2567 ที่ผ่านมา บริษัทได้ลงทุน 100 ล้านบาท ขยายกำลังการผลิต เพื่อเพิ่มความสามารถสูงสุดในการผลิตสินค้า และบริการ อีกทั้งยังเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เพื่มสูงขึ้น โดยในไตรมาสสุดท้ายของปี 2568 นี้ บริษัทจะเน้นผลิตภัณฑ์พร้อมทาน สามารถชงดื่มเองได้ที่บ้าน เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคได้อย่างตรงจุด
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าเติบโต 20% จากปี 2567 ที่ปิดยอดขายประมาณ 3,000 ล้านบาท และวางเป้าหมายระยะยาวคือการปิดยอดขายที่ 5,000 ล้านบาท ภายในปี 2570