ดุสิตธานีเรียกความเชื่อมั่น หลังศุภจีตอบรับรมว.พาณิชย์ มติบอร์ดตั้งชนินทร์ควบซีอีโอ

Last updated: 13 ก.ย. 2568  |  8 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ดุสิตธานีเรียกความเชื่อมั่น หลังศุภจีตอบรับรมว.พาณิชย์ มติบอร์ดตั้งชนินทร์ควบซีอีโอ

เป็นที่จับตามองในวงกว้าง ภายหลังจากที่อนุทินทาบทามศุภจี ผู้บริหารหญิงแกร่งจากเครือดุสิตเข้ารับตำแหน่งรมว.พาณิชย์ ซึ่งหลังจากนี้ไปทิศทางการบริหารงานในเครือดุสิตจะเป็นอย่างไรภายใต้การบริหารงานที่ไร้เงาของศุภจี อดีตซีอีโอ ที่ยืนเคียงข้างดุสิตธานีมานานถึง 10 ปี


นายชนินทธ์ โทณวณิก รักษาการประธานกรรมการ และ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หลังจากทราบข่าวที่นายอนุทินได้ทาบทามให้ศุภจีเข้ารับตำแหน่งรมว.พาณิชย์ ซึ่งถือเป็นเกียรติที่จะได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในทีมเศรษฐกิจ ร่วมขับเคลื่อนนโยบายสำคัญ เพื่อพัฒนาประเทศในช่วงที่ต้องเผชิญกับความท้าทายหลายด้าน สอดคล้องกับนโยบายของตนและบริษัทในฐานะองค์กรที่ดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับความรับผิดชอบต่อสังคมและประเทศชาติ

ทั้งนี้ การเปลี่ยนมือผู้บริหารจะไม่กระทบกับบริษัทอย่างแน่นอน เนื่องจากที่ผ่านมาบริษัทได้วางรากฐาน อีกทั้งยังเป็นแบรนด์ที่แข็งแกร่ง ล่าสุดเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา คณะกรรมการบริษัทได้ประชุม โดยมติที่ประชุมเห็นชอบแต่งตั้งตนเป็นรักษาการประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม ควบอีกหนึ่งตำแหน่ง เพื่อให้การบริหารจัดการและนโยบายต่าง ๆ ในระยะเปลี่ยนผ่าน สามารถดำเนินต่อไปได้อย่างราบรื่น


 “ที่ผ่านมาผมอยู่เบื้องหลังและทำงานกับคุณศุภจีตลอด การเข้ารับตำแหน่งของผมจะเป็นช่วงระยะสั้น ในช่วงที่คุณศุภจีเข้ารับตำแหน่ง รมว.พาณิชย์ ผมบอกว่าเมื่อภาระกิจการรับใช้บ้านเมืองเสร็จสิ้นแล้ว ให้กลับมาทำงานที่ดุสิต”

สำหรับภาพรวมบริษัทในช่วงที่ผ่านมา จากรายได้ 5,370 ล้านบาทในปี 2559 สู่รายได้มากกว่า 11,204 ล้านบาท ในปี 2567 แม้ว่าสิ่งที่ปรากฏในงบการเงินจะมีผลขาดทุนสะสมกว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นเหตุให้บริษัท งดจ่ายเงินปันผลตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา แต่ในความเป็นจริงบริษัทกำลังสร้างรายได้ที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ และสูงกว่า 10 ปีที่ผ่านมากว่าเท่าตัว ซึ่งจุดเปลี่ยนสำคัญที่กำลังจะมาถึงคือการรับรู้รายได้จากการขายโครงการ “ดุสิต เรสซิเดนเซส” ที่ขายไปแล้วมากกว่า 90% มูลค่ากว่า 16,000 ล้านบาท หรือสามารถรับรู้รายได้มากกว่า 17,000 ล้านบาท ที่จะมีการทยอยโอนอย่างมีนัยสำคัญในปี 2569 รวมถึงโรงแรมอีกประมาณ 50 แห่งทั่วโลก ที่อยู่ในแผนการขยายธุรกิจของดุสิตธานี


นอกจากนี้ หากมองรายได้ที่ขาดทุนจะพบศักยภาพที่ซ่อนอยู่ จากธุรกิจที่มีเพียง 2 ธุรกิจหลัก วันนี้ดุสิตธานีได้ขยายธุรกิจที่เกี่ยวข้องและพร้อมที่จะเติบโตอย่างแข็งแกร่งจาก 5 ธุรกิจ ได้แก่ โรงแรมและวิลล่าจาก 27 แห่ง เพิ่มเป็น 297 แห่ง โดยเป็นโรงแรม 57 แห่ง และวิลล่า 240 หลัง โดยมีเป้าหมายจาก 8 ประเทศทั่วโลก ขยายสู่ 18 ประเทศ และจากแบรนด์โรงแรม 4 แบรนด์ วันนี้ “ดุสิตธานี” มีแบรนด์ภายใต้การบริหารถึง 9 แบรนด์ ครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้า

 ด้านนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ อดีตกรรมการบริหาร และอดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลา 10 ปี ของการบริหารงานที่ดุสิต ได้ทำงานอุทิศตนและวางรากฐานอย่างมั่นคง ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจโรงแรม ธุรกิจการศึกษา ธุรกิจอาหาร และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงโครงการ “ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค” มูลค่ากว่า 46,000 ล้านบาท ที่จะเดินหน้าสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนและแข็งแกร่งตามเป้าหมายเดิมที่วางไว้  

 “อยากให้ทุกคนมั่นใจว่า สิ่งที่ถูกส่งต่อและวางไว้บนมือของผู้บริหารและพนักงานของกลุ่มดุสิตธานีหลังจากนี้ คือ การเติบโตอย่างแข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ของดุสิตธานี บนรากฐานที่มั่นคง ที่ดิฉันและทีมดุสิตธานีทุกคนร่วมกันสร้างไว้ และนี่คือ สิ่งที่เราพยายามทำมาตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา นั่นคือ ไม่ว่าจะเผชิญกับปัจจัยท้าทาย หรือความเปลี่ยนแปลงใดๆ ก็ยังเชื่อมั่นได้ว่า ทั้งโครงสร้างองค์กร โครงสร้างธุรกิจ และโครงสร้างทางการเงินของกลุ่มดุสิตธานี จะสามารถรองรับทุกความเปลี่ยนแปลง”

อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจรับหน้าที่รมว.พาณิชย์ ครั้งนี้มาจาก 2 เหตุผลหลัก คือ 1.มองว่าประเทศกำลังเผชิญกับความท้าทายมากมาย โดยเฉพาะภาพรวมเศรษฐกิจและปากท้องของประชาชน หากตนเองจะใช้ความรู้ความสามารถที่มี ในการพัฒนาเศรษฐกิจให้เดินหน้าต่อไปได้ยินดีที่จะทำ ซึ่งมองว่าการเข้ามารับหน้าที่ไม่ใช่เรื่องง่าย และต้องมองจากหลายปัจจัย 2.เป็นการทำงานในระยะสั้น จึงตัดสินใจรับหน้าที่นี้


นางศุภจี เผยต่อว่า ได้รับคำถามมากมาย ถามว่าจากนี้ไปจะทำอะไรก่อน ซึ่งขณะนี้ต้องรอโปรดเกล้าแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ อีกทั้งต้องรอการร่างนโยบายร่วมกัน ซึ่งเรื่องนี้ตนไม่สามารถทำงานตามลำพังได้เพราะเป็นงานขนาดใหญ่จำเป็นต้องมีธงร่วม และสิ่งที่สามารถตอบได้ในเวลานี้คือการลำดับความสำคัญและต้องเร่งจัดทำในส่วนที่จะส่งผลให้เกิดประโยชน์สูงสุด

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้