Last updated: 13 ก.ย. 2568 | 39 จำนวนผู้เข้าชม |
งาน Southeast Asia Trade and Development Forum 2025 จัดโดยสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (องค์การมหาชน) หรือ ITD ในวันที่ 11 กันยายน 2568 ณ โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นเวทีระดับภูมิภาคในการวิเคราะห์และระดมสมองหาแนวทางรับมือกับความท้าทายและความเปลี่ยนแปลงในภูมิทัศน์การค้าโลกที่ซับซ้อนขึ้น จากผู้เชี่ยวชาญระดับโลกและระดับภูมิภาคมากมาย ทั้งจากภาครัฐและเอกชน เช่น ศาสตราจารย์ Jeffrey D. Sachs นักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังจากมหาวิทยาลัย Columbia, Dr. Bruno Casella จาก UNCTAD, และผู้บริหารระดับสูงจากบริษัทชั้นนำอย่าง Deutsche Bank และ Gulf Energy นอกจากนี้ยังมีเวทีเสวนาพิเศษที่รวบรวมผู้ก่อตั้งสตาร์ทอัพและผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่ประสบความสำเร็จมาร่วมแบ่งปันประสบการณ์ด้วย
การประชุมนี้มุ่งเน้นการถอดรหัสอนาคตการค้าและการพัฒนาของไทยและอาเซียนในสถานการณ์ที่เศรษฐกิจโลกมีความผันผวนสูง โดยมีประเด็นสำคัญครอบคลุม:
ทิศทางการค้าโลกที่เปลี่ยนแปลง: การวิเคราะห์ผลกระทบจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ นโยบายกีดกันทางการค้า (protectionism) และการปรับเปลี่ยนห่วงโซ่อุปทาน เศรษฐกิจดิจิทัลและเศรษฐกิจสีเขียว: โอกาสในการลงทุนและพัฒนาในยุคที่เทคโนโลยี AI และข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อม (ESG) มีความสำคัญมากขึ้น
บทบาทของ SMEs และสตาร์ทอัพ: การสร้างความยืดหยุ่นและขยายธุรกิจในตลาดภูมิภาคและตลาดโลก
กลยุทธ์การเงินเพื่ออนาคต: รูปแบบการเงินใหม่ๆ ที่จะช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการและเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับห่วงโซ่คุณค่าระดับภูมิภาค
งานนี้ไม่เพียงแต่เป็นการแลกเปลี่ยนความรู้ทางวิชาการเท่านั้น แต่ยังเป็นเวทีสำคัญในการสังเคราะห์ข้อเสนอเชิงนโยบาย เพื่อนำไปสู่การกำหนดทิศทางยุทธศาสตร์การค้าและการพัฒนาของประเทศไทยให้สามารถรับมือกับความท้าทายและคว้าโอกาสใหม่ๆ ได้อย่างทันท่วงทีในอนาคต
ศ.ดร.สมคิด เลิศไพฑูรย์ ประธานกรรมการ สถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนากล่าวว่า “จากรายงาน Global Risks Report 2025 ของ World Economic Forum ชี้ชัดว่าโลกกำลังเผชิญกับความเสี่ยงเชิงโครงสร้างที่เชื่อมโยงกัน ทั้งการเร่งตัวของเทคโนโลยี ความเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์ วิกฤติสิ่งแวดล้อม การกีดกันทางการค้า และโครงสร้างประชากร ซึ่งความเสี่ยงทั้งหมดนี้ไม่ได้เกิดขึ้นในประเทศใดประเทศหนึ่ง แต่ส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ในระดับภูมิภาคและทั่วโลก สำหรับอาเซียน ความท้าทายเหล่านี้หมายถึงความจำเป็นที่จะต้องสร้างภูมิคุ้มกันทางเศรษฐกิจ ลดความเปราะบางของห่วงโซ่อุปทาน และเร่งสร้างความร่วมมือในด้านสิ่งแวดล้อมและนวัตกรรม เพื่อให้ภูมิภาคของเราสามารถเติบโตและยืนหยัดได้อย่างแข็งแกร่ง การจัดงานฟอรัมครั้งนี้จึงเป็นก้าวสำคัญที่จะเชื่อมโยงความคิดและประสบการณ์จากทุกภาคส่วน เพื่อวางทิศทางการค้าและการพัฒนาของอาเซียนในทศวรรษหน้าอย่างมีเอกภาพและยั่งยืน”
ด้าน นายสุภกิจ เจริญกุล ผู้อำนวยการสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา กล่าวว่า “โลกธุรกิจในปัจจุบันต้องเผชิญทั้งความเสี่ยงและโอกาสในเวลาเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นสงครามการค้า มาตรการสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดขึ้น การแพร่กระจายของข้อมูลบิดเบือน หรือการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีดิจิทัลและ AI ซึ่งจะกระทบโดยตรงต่อผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะ SMEs และสตาร์ทอัพที่ต้องแข่งขันในห่วงโซ่มูลค่าโลก การจัดฟอรัมครั้งนี้ไม่ใช่แค่เวทีแลกเปลี่ยนความรู้ แต่เป็นพื้นที่เชิงนโยบายที่ข้อเสนอจากเวทีจะถูกสังเคราะห์และผลักดดันนสู่ภาครัฐ เพื่อให้ไทยรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลกอย่างมีประสิททธิภาพ ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการเองก็จะได้โอกาสเชื่อมโยงกับนักลงทุนและพันธมิตรจากภภาค ซึ่งถือเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความยั่งยืนให้กับเศรษฐกิจไทยในระยะยาว “การจัดฟอรัมครั้งนี้ไม่ใช่แค่เวทีแลกเปลี่ยนความรู้ แต่เป็นพื้นที่เชิงนโยบายที่ข้อเสนอจากเวทีจะถูกสังเคราะห์และผลักดันสู่ภาครัฐ เพื่อให้ไทยรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลกอย่างมมีประสิทธิภาพ”
“เวที Southeast Asia Trade and Development Forum 2025 ถือเป็นเวทีระดับนานาชาติที่สะท้อนความพยายามของ ITD ในการขับเคลื่อนบทบาทของไทยในเศรษฐกิจอาเซียน เวทีนี้ไม่เพียงสร้างพื้นที่แลกเปลี่ยนข้อมูลและกำหนดทิศทางนโยบายร่วมกัน แต่ยังเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการ SMEs และสตาร์ทอัพ ที่จะได้เข้าถึงกลยุทธ์ องค์ความรู้ และเครือข่ายใหม่ ๆ ซึ่งช่วยเสริมขีดความสามารถในการแข่งขัน ก้าวเข้าสู่ห่วงโซ่มูลค่าระดับภูมิภาคและโลก และเสริมสร้างเศรษฐกิจอาเซียนให้แข็งแกร่ง รับมือกับความท้าทายที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องได้อย่างมีประสิทธิภาพนายสุภกิจ กล่าวสรุป