Last updated: 10 ก.ย. 2568 | 29 จำนวนผู้เข้าชม |
สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) เดินหน้าภารกิจสร้างนวัตกรรุ่นเยาว์ ผ่านโครงการ STEAM4INNOVATOR ที่ผสานศาสตร์ STEAM และการเรียนรู้จากการลงมือทำจริง ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา NIA ปลุกพลังเยาวชนไทยกว่า 100,000 คน พร้อมพัฒนาศักยภาพเข้มข้นกว่า 1,600 คน จนก่อตั้งสตาร์ทอัพจริงแล้วไม่ต่ำกว่า 15 บริษัท อีกทั้งยังสร้างเครือข่ายครู ผู้ปกครอง และสถาบันการศึกษาในกว่า 65 แห่งทั่วประเทศ
ปีนี้ NIA จัดงาน “STEAM4INNOVATOR’s Day 9.9” โชว์ศักยภาพ 22 ผลงานนวัตกรรม Gen Z ที่เน้นความยั่งยืน ทั้งด้าน สุขภาพ เช่น หน้ากากใสสำหรับเด็ก บอร์ดเกมสานสัมพันธ์ครอบครัว แพลตฟอร์ม VR ต้านบุหรี่ไฟฟ้า และด้าน ธุรกิจสีเขียว เช่น ระบบตรวจวัดฝุ่นไซต์ก่อสร้างเรียลไทม์ และนวัตกรรมจัดการขยะชุมชน นอกจากนี้ ยังมีโซน “ห้องปล่อยของ” จาก 19 STEAM4INNOVATOR Center ที่เปิดพื้นที่ให้เยาวชนได้ทดลอง คิด และสร้างต้นแบบจริง สะท้อนบทบาท NIA ในการสร้างระบบนิเวศนวัตกรรมเยาวชนไทยอย่างเป็นระบบ
ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง ผอ. NIA ระบุว่า กลุ่ม Gen Z ไม่เพียงใช้เทคโนโลยี แต่ยังเติบโตมากับดิจิทัลและ AI จึงมีแนวโน้มสร้างอาชีพใหม่ด้านเทคโนโลยี ความยั่งยืน และการเป็นผู้ประกอบการ NIA จึงจัดตั้ง “กลุ่มงานพัฒนานวัตกรรุ่นเยาว์” อย่างเป็นทางการ เพื่อขับเคลื่อนใน 2 มิติ คือ
1. Education & Occupation System – พัฒนาระบบการศึกษาและสร้างอาชีพด้านนวัตกรรมร่วมกับรัฐและเอกชน
2. Learning Management System (LMS) – ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลสร้างเครื่องมือการเรียนรู้ รองรับผู้เรียนจำนวนมากและเปิดโอกาสให้เยาวชนเรียนรู้ได้ทุกที่ทุกเวลา
เป้าหมายปี 2569 คือขยายผลทั้งในและนอกระบบการศึกษา เพื่อสร้างกำลังคนด้านนวัตกรรมรุ่นใหม่อย่างยั่งยืน พร้อมผลักดันประเทศไทยสู่การเป็น “ชาตินวัตกรรม”
ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ NIA กล่าวว่า ปัจจุบันกลุ่มคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z ไม่ได้เป็นเพียงผู้ใช้งานเทคโนโลยี แต่เป็นผู้ที่เติบโตมาในโลกของดิจิทัลและ AI ทำให้กลุ่มคนเหล่านี้มีความได้เปรียบในมุมมองการสร้างสรรค์และแก้ไขปัญหาด้วยนวัตกรรม รวมถึงค่านิยมในการสร้างคุณค่าทางสังคม ทำให้เส้นทางอาชีพในฝันของคนเจเนอเรชันนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในกรอบงานแบบเดิม แต่ขยายไปสู่อาชีพที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีขั้นสูง
ความยั่งยืน และการเป็นผู้ประกอบการ ดังนั้น คนรุ่นใหม่จึงต้องการพื้นที่ทดลองและต่อยอดผลงานนวัตกรรมมากขึ้น NIA จึงมุ่งส่งเสริมให้เยาวชนไทยเติบโตในสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ ทดลอง และสร้างนวัตกรรม ผ่านโครงการ STEAM4INNOVATOR ที่ออกแบบมาเพื่อ ‘ปลุกพลังนวัตกรรุ่นใหม่’ ให้มีทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 อย่างรอบด้าน พร้อมเสริมทักษะการคิดเชิงสร้างสรรค์ การแก้ปัญหา และการสร้างโมเดลธุรกิจนวัตกรรม
ดร.กริชผกา กล่าวเพิ่มเติมว่า NIA จัดงาน “STEAM4INNOVATOR’s Day 9.9” ขึ้น เพื่อให้ครู อาจารย์ นักศึกษา รวมถึงบุคคลภายนอกที่สนใจแลกเปลี่ยนประสบการณ์การสร้างห้องเรียนนวัตกรรม พร้อมโชว์ศักยภาพและผลสำเร็จการพัฒนาและสร้างสรรค์นวัตกรรมจากนวัตกร Gen Z จำนวน 22 นวัตกรรม ครอบคลุมกลุ่มการสร้างเสริมสุขภาพและกลุ่มธุรกิจสีเขียว ซึ่งนับเป็นกลุ่มที่คนรุ่นใหม่สนใจและต้องการขับเคลื่อนอย่างจริงจัง เช่น กลุ่มการสร้างเสริมสุขภาพ ได้แก่ Showsmind หน้ากากอนามัยแบบใส (ป้องกันฝุ่น) สำหรับเด็ก สามจักรพรรดิมรณะ แพลตฟอร์มพื้นที่ปลอดภัยทางใจและเติบโตไปพร้อมกับผู้ใช้งาน VapeVerse WaveWorld แพลตฟอร์มเกม VR สร้างภูมิคุ้มกันบุหรี่ไฟฟ้าให้เยาวชน Bokbaek บอร์ดเกมสำหรับครอบครัวที่ช่วยเปิดบทสนทนาระหว่างพ่อแม่กับลูกเพื่อสร้างพื้นที่ปลอดภัยทางอารมณ์ และกลุ่มธุรกิจสีเขียว ได้แก่ ระบบติดตามค่าฝุ่นละอองในไซต์งานก่อสร้างแบบเรียลไทม์ผ่านเว็บไซต์ การพัฒนาระบบบำบัดน้ำเสียจากแผนกไตเทียม WASTE-D Ecosystems นวัตกรรมจัดการขยะชุมชนเพื่อความยั่งยืน เป็นต้น
โดยยังมีกิจกรรมเวิร์กช็อปเสริมทักษะ และเครื่องมือสร้างนวัตกรรุ่นเยาว์จากเครือข่ายครู อาจารย์ ใน “STEAM4INNOVATOR Center” ทั้ง 19 แห่ง ในพื้นที่ ‘ห้องปล่อยของ’ ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยจุดประกายให้เด็กไทยกล้าคิด กล้าทำ แต่ยังเป็นการสร้างฐานกำลังคนด้านนวัตกรรมที่มีคุณภาพ เพื่อพาประเทศไทยก้าวสู่การเป็น ‘ชาตินวัตกรรม’ ตลอดจนเป็นแนวทางเชิงปฏิบัติสำหรับ ภาคการศึกษากับโอกาสปรับเปลี่ยนหลักสูตรสู่การเรียนรู้เชิงทักษะ ลงทุนในเทคโนโลยีการศึกษาและพื้นที่สร้างสรรค์ และส่งเสริมการทำงานร่วมกับโลกแห่งความเป็นจริง ภาคธุรกิจกับการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ยืดหยุ่นให้ความสำคัญกับการออกแบบระบบการทำงานที่สามารถเรียนรู้จากความผิดพลาด และภาครัฐ เช่น NIA กับการมีนโยบายที่ส่งเสริมการกระจายตัวของนวัตกรรมสู่คนแต่ละช่วงวัย ลดอุปสรรคด้านโครงสร้างพื้นฐาน และสร้างกลไกการสนับสนุนที่เชื่อมโยงทุกภาคส่วนเข้าด้วยกันอย่างเป็นระบบ
ไม่ว่าจะเจนไหนถ้าเราคิดว่าจะทำให้ไทยเราเป็นชาตินวัตกรรมก็ควรไปในทิศทางเดียวกันในการเป็นนวัตกร เพื่อส่งเสริมประเทศไทยฉะนันเราจะทำให้คนที่ต่าง Gen เหล่านี้อยู่ในระบบเดียวกัน
นอกจากนี้ ยังมีผลสำเร็จที่เกิดขึ้นภายในโครงการ STEAM4INNOVATOR อีกหลากหลายโครงการ เช่น รางวัลนวัตกรรมแห่งประเทศไทย ที่ NIA จัดร่วมกับสมาคมวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทยในพระราชูปถัมภ์ และความร่วมมือกับหน่วยงานการศึกษานิวซีแลนด์ เพื่อส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพของเยาวชนให้สามารถต่อยอดผลงานไปในเชิงธุรกิจนวัตกรรม
ที่มีศักยภาพออกสู่ตลาดหรือสร้างคุณค่าทางสังคมได้จริง การพัฒนาพื้นที่แห่งนวัตกรรมเพื่อสนับสนุนการสร้างสรรค์นวัตกรรมสร้างเสริมสุขภาพ ภายใต้การสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) โดยใช้หลักคิดการมีสุขภาพที่ดี "สร้าง นำ ซ่อม" ในการสร้างสรรค์นวัตกรรม ร่วมกับ 10 มหาวิทยาลัยที่เป็นเครือข่ายศูนย์สร้างนวัตกรรุ่นใหม่ ครอบคลุม 4 ภูมิภาค การพัฒนาความสามารถและความร่วมมือด้านนวัตกรรมในกลุ่มเครือข่ายเพื่อการพัฒนาเยาวชน ต้นแบบในการต่อยอดและพัฒนาระบบการปฏิบัติงานแบบสหกิจศึกษาผนวกการเสริมทักษะนวัตกรแบบเข้มข้น ภายใต้แนวคิดเส้นทางนวัตกรรุ่นใหม่...สู่การสร้างธุรกิจสีเขียว และปิดท้ายกับกิจกรรมการพัฒนานวัตกรรุ่นเยาว์ด้วยหลักสูตร STEAM4INNOVATOR ที่ดำเนินการร่วมกับเครือข่ายองค์กรต่างๆ เช่น สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) มูลนิธิอายิโนะโมะโต๊ะ และ องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย เป็นต้น
“จากผลสำเร็จในปีนี้ NIA จึงจัดตั้ง ‘กลุ่มงานพัฒนานวัตกรรุ่นเยาว์’ อย่างเป็นทางการ เพื่อให้การทำงานมีโครงสร้างพื้นฐานและแผนงานที่เป็นระบบ สามารถขยายผลในระดับประเทศได้อย่างเข้มแข็ง โดยมีกลยุทธ์การดำเนินการ 2 มิติ คือ ด้านการศึกษา มุ่งเน้นการพัฒนาเยาวชน ครู และศูนย์สร้างนวัตกรรุ่นใหม่ในภูมิภาค ควบคู่กับการทำงานเชิงนโยบาย และด้านอาชีพนวัตกร มุ่งเน้นการพัฒนาระบบอาชีพด้านนวัตกรรม ที่เกี่ยวกับการรับรองระดับความรู้ ความเข้าใจ ความสามารถ ด้านนวัตกรรม และการสร้างเกณฑ์มาตรฐานอาชีพนวัตกร โดยปี 2569 NIA จะมุ่งขับเคลื่อนการพัฒนานวัตกรรุ่นเยาว์ โดยมีเป้าหมายสำคัญคือการขยายผลอย่างกว้างขวางทั้งในและนอกระบบการศึกษา เพื่อให้เกิดการบ่มเพาะเยาวชนอย่างต่อเนื่องและครอบคลุมมากขึ้น ผ่าน 2 แนวทางหลัก ได้แก่ 1. Education & Occupation System การทำงานร่วมกับบุคคลและองค์กรพันธมิตรทั้งหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อร่วมกันพัฒนาระบบการศึกษาและการสร้างงาน
ด้านนวัตกรรมในระดับประเทศ สร้างโอกาสให้เยาวชนสามารถต่อยอดไอเดียไปสู่การประกอบอาชีพจริง และ 2. Learning Management System (LMS) การพัฒนาองค์ความรู้และเครื่องมือการเรียนรู้ที่ทันสมัย โดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาช่วยจัดการเรียนการสอนอย่างเป็นระบบ สามารถรองรับผู้เรียนได้จำนวนมาก เปิดโอกาสให้เยาวชนเรียนรู้ได้ด้วยตนเองทุกที่ทุกเวลา และต่อยอดไปสู่การสร้างนวัตกรรมจริงได้อย่างยั่งยืน” ดร.กริชผกา กล่าวสรุป
21 ส.ค. 2566