สร้างชาติด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี วิสัยทัศน์ใหม่จาก สวทช. ที่จะเปลี่ยนชีวิตคนไทยให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน

สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ สวทช. ประกาศเดินหน้าทิศทางและการทำงานในวาระที่ 2 อย่างเป็นทางการ ภายใต้วิสัยทัศน์ “สร้างชาติด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี” ที่ เป็นแนวคิดที่มีผลงานจริงพิสูจน์มาแล้ว

สวทช. คือขุมพลังวิทย์ฯ ตัวจริง”

นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว. และประธาน กวทช. ย้ำชัดในเวทีแถลงข่าวว่า สวทช. ไม่ใช่แค่หน่วยงานวิจัย แต่คือ “ขุมพลังหลักของชาติ” ที่จะพาไทยฝ่าวิกฤตและก้าวสู่อนาคตด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม
หลังเห็นผลลัพธ์ชัดเจนจากผลงานในวาระที่ผ่านมา คณะกรรมการ กวทช. ก็ไม่ลังเลที่จะอนุมัติแผนงานและทีมผู้บริหาร สวทช. ชุดใหม่ พร้อมส่งมอบนโยบายสำคัญ 2 ด้านให้ไปเดินหน้าต่อ

1.ยกระดับนวัตกรรมวิทย์ฯ เพื่อประเทศ
จากเกษตรกรรมดั้งเดิม  สู่เกษตรอัจฉริยะ
จากเมืองธรรมดา  สู่เมืองน่าอยู่ด้วยดิจิทัลและ AI
จากการผลิตแบบเดิม  สู่ “อุตสาหกรรมคาร์บอนต่ำ” ที่ใช้ชิ้นส่วนผลิตในประเทศให้มากขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นการรับมือกับภัยพิบัติ การดูแลสิ่งแวดล้อม หรือเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ  วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีคือเครื่องมือหลัก

2.พัฒนาคนไทยให้เก่งและกล้าในโลกยุค AI
ไม่ใช่แค่พัฒนาเทคโนโลยี แต่ต้องพัฒนา “คน” ไปพร้อมกัน
สวทช. จึงถูกวางตัวให้เป็นหัวหอกในการขับเคลื่อน “กรอบการพัฒนา AI แห่งชาติ”
พร้อมปั้นกำลังคนในทุกระดับ ตั้งแต่เยาวชน คนทำงาน ไปจนถึงผู้บริหารในภาคอุตสาหกรรม

วิทย์ฯ ไม่ใช่เรื่องไกลตัว แต่คือรากฐานของชาติ

นี่ไม่ใช่แค่การมอบนโยบาย แต่คือการจุดประกายความหวังว่า ประเทศไทยจะก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน เมื่อวิทยาศาสตร์กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน

“เราไม่ได้ทำเพื่อแค่ตีพิมพ์หรือโชว์นวัตกรรมล้ำ ๆ แต่เราทำเพื่อชีวิตคนไทยทุกคน” รัฐมนตรีสุดาวรรณกล่าวทิ้งท้าย

ด้าน ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวอย่างมั่นใจว่า “เราเน้นการขับเคลื่อนการใช้ประโยชน์จริง มากกว่าเน้นความเป็นเลิศ” งานวิจัยจะไม่หยุดแค่ในห้องแล็บ แต่จะถูก “ส่งต่อ” ไปยังคนที่ต้องการมันจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นชาวบ้านในพื้นที่ห่างไกล คนทำเกษตร พ่อค้าแม่ค้า หรือแม้แต่ผู้ป่วยในโรงพยาบาลที่แออัดเกินรับไหว  

จากแอปพลิเคชัน...สู่ระบบเมืองอัจฉริยะ

ใครจะเชื่อว่า “Traffy Fondue” ที่หลายคนเคยใช้แจ้งปัญหาถนนหรือขยะ จะกลายเป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญระดับประเทศที่นำมาใช้แก้ปัญหา ตอนนี้มันถูกใช้ใน 29 จังหวัด ครอบคลุมประชากรกว่า 30 ล้านคน และยังช่วยในภาวะวิกฤต เช่น น้ำท่วม แผ่นดินไหว หรือฝุ่น PM2.5 ได้อีกด้วย

โรงพยาบาลใกล้บ้าน ไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป แต่คือคำตอบ

เมื่อคนแห่ไปรพ.ใหญ่ แต่ละแห่งก็แทบล้น สวทช. จึงเปิดทางเลือกใหม่ผ่าน “Digital Healthcare” เชื่อมโยงบริการการแพทย์กับชุมชน ลดภาระคนไข้-หมอ ซึ่งมีผู้ได้รับประโยชน์กว่า 7.8 ล้านคน และมีหน่วยบริการที่เข้าร่วมถึง 8,441 แห่งที่มาสนับสนุนนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ของภาครัฐ พร้อมพัฒนา “แพลตฟอร์มนิรันดร์” ที่ช่วยให้ผู้สูงวัยในชนบท ได้รับการดูแลอย่างทั่วถึงและอบอุ่นใจยิ่งขึ้น

ข้าวก็ฉลาด น้ำก็สะอาด

ในยุคที่สภาพอากาศแปรปรวน เกษตรกรไม่อาจพึ่งแค่ฟ้า สวทช. จึงส่ง “ข้าวพันธุ์ใหม่” อย่าง “ไบโอเทค 1” และ “หอมชลสิทธิ์ 2” ที่ทนแล้ง ทนโรค และให้ผลผลิตสูง เสริมทัพด้วย “คลินิกคุณภาพน้ำ” ตรวจเช็กและฟื้นฟูระบบน้ำประปาหมู่บ้าน ทำให้กว่า 24,000 ครัวเรือนในภาคเหนือและอีสานมีน้ำสะอาดใช้เป็นครั้งแรก

เศรษฐกิจหมุนเวียน + โรงงานอัจฉริยะ = ประเทศที่แข็งแรง

ในยุคที่โลกทั้งใบจับตาเรื่อง Net Zero ประเทศไทยเองก็ไม่อยากตกขบวน สวทช. พัฒนาแพลตฟอร์มและฐานข้อมูลคาร์บอน เพื่อช่วยผู้ประกอบการไทยก้าวสู่ “อุตสาหกรรม 4.0” แบบครบวงจร ทั้งลดมลพิษ เพิ่มประสิทธิภาพ และยกระดับให้ทัดเทียมระดับโลก

นอกจากนั้นยังยกระดับผลิตภัณฑ์นวัตกรรมเวชสำอางอาหารเสริม ด้วยแพลตฟอร์ม Food SERPซึ่งนำมาซึ่งการสร้างการลงทุนและสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจมากกว่า 13,000  ล้านบาท โดยจะมีการตรวจประเมิน ตลอดจนนำเทคโนโลยีเข้ามาขยายการทำงานต่อไป

วาระใหม่ของ สวทช. ไม่ใช่แค่เปลี่ยนประเทศ...แต่คือเปลี่ยนชีวิตคนสู่ความยั่งยืน
ในวาระที่ 2 นี้ สวทช. ตั้งเป้าให้ “งานวิจัยถึงมือผู้ใช้จริง” ภายใต้กลยุทธ์ “สร้าง-ปรับ-รักษา-ละทิ้ง”

สร้าง คือ สร้างงานวิจัยเพื่อแก้ปัญหา
ปรับ จากทำตามใจนักวิจัย เป็นมองจากปัญหาประเทศ
รักษา บุคลากรดี โครงสร้างพื้นฐานแน่น
ละทิ้ง ความสำเร็จปลอม ๆ ที่จบแค่การตีพิมพ์
ทุกภาคส่วนพร้อมเปลี่ยนไปพร้อม สวทช.

การศึกษา : ดัน AI ยกระดับการเรียนรู้ผ่านแพลตฟอร์ม LEAD Education
เกษตร : โรงเรือนอัจฉริยะ ชุดตรวจโรคพืช และวัคซีนสัตว์
การแพทย์ : Medical AI Data Platform และ Genomics Thailand
อุตสาหกรรม : ศูนย์ SMC และโรงงานอัจฉริยะครบวงจร
สุดท้าย…เทคโนโลยีจะไม่มีค่าเลย ถ้ามันไม่ถึงมือประชาชน

นี่คือเหตุผลที่ สวทช. ไม่เพียงแค่ “คิดค้น” แต่ยัง “ส่งต่อ” และ “ขยายผล” เพื่อให้ประเทศไทยเดินหน้าไปด้วยกันอย่างมั่นคงและยั่งยืน

วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป แต่คือพลังที่จะเปลี่ยนชีวิตเราได้จริง ๆ  และ สวทช. ตั้งใจจะทำให้มันเกิดขึ้นจริง