Last updated: 8 มิ.ย. 2568 | 54 จำนวนผู้เข้าชม |
อุตสาหกรรมความของไทยยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ดังจะเห็นได้จากข้อมูลของตลาดในภูมิภาคอาเซียน (10 ประเทศ) ไทยยังคงเป็นเจ้าตลาดอันดับ 1 ด้วยส่วนแบ่งการตลาด 25% จากมูลค่าตลาดรวม ประมาณ 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.2 ล้านล้านบาท) ในปี 2024-2025 ทั้งนี้ตลาดความงามในภูมิภาคอาเซียนยังคงเป็นตลาดขนาดใหญ่และมีอัตราเติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งคาดการณ์ว่าตลาดจะมีอัตราเติบโตประมาณ 16% ในช่วงปี 2024-2028 นับเป็นหนึ่งในภูมิภาคที่อุตสาหกรรมความงามและเครื่องสำอางมีอัตราเติบโตเร็วที่สุดในโลก โดยมีประเทศไทยเป็นผู้เล่นสำคัญและเป็นศูนย์กลางที่แข็งแกร่ง
ตัวแปรสำคัญที่ทำให้ตลาดเติบโตมาจากหลากหลายปัจจัย เช่นความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ด้านความงามที่มีให้เลือกหลายแบรนด์ ช่องทางการจำหน่ายที่เข้าถึงง่ายอย่างสื่อโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้า Gen Z ที่มีความสนใจในการซื้อผลิตภัณฑ์ เนื่องจากผู้บริโภคกลุ่มนี้ เติบโตมาพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวก เมื่อผู้บริโภคกลุ่มนี้มีความสนใจจะตัดสินใจซื้อโดยไม่ลังเล อีกทั้งความสามารถในการใช้งานเทคโนโลยีที่เรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว
นางเกศมณี เลิศกิจจา นายกสมาคมผู้ผลิตเครื่องสำอางไทย กล่าวว่า ไทยยังคงมีอัตราเติบโตที่ดีและเป็นเบอร์ 1 ในอุตสาหกรรมความงามในภูมิภาคอาเซียน รองลงมาได้แก่ ประเทศอินโดนีเซีย เวียดนาม และฟิลิปปินส์ ซึ่งการเติบดังกล่าวเกิดจากความต้องการผลิภัณฑ์หรือบริการเพิ่มมากขึ้น ในเชิงเศรษฐกิจนับเป็นความต้องการที่เป็นปัจจัยสำคัญที่กำหนดราคาและปริมาณในการผลิต
สำหรับเทรนด์ในอนาคตที่น่าจับตามองสำหรับผลิตภัณฑ์ด้านความงาม คือ ผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์เฉพาะเจาะจงตามสีผิวและสภาพอากาศของท้องถิ่น รวมถึงผลิตภัณฑ์แนวธรรมชาติอย่างออร์แกนิค ผลิตภัณฑ์แบบคลีน วีแกน ปลอดสารพิษ และไม่ทดลองในสัตว์ ที่มีอัตราเติบโตในตลาดภูมิภาคอาเซียนประมาณ 9.2%
นอกจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่กล่าวมาข้างต้น ยังมีกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่น่าจับตามอง ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เจาะกลุ่มผู้ชาย (Men’s grooming) ซึ่งกลุ่มนี้มีพฤติกรรมการดูแลผิวและผมมากขึ้น และกลุ่มสุดท้ายคือ Silver beauty สำหรับผู้สูงอายุที่มองหาผลิตภัณฑ์ต่อต้านริ้วรอย (Anti-Aging) เน้นการดูแลผิวพรรณและเส้นผมให้มีสุขภาพดี ดูดีตามธรรมชาติในวัยที่สูงขึ้น (Pro-Age หรือ Well-Aging)
ทั้งนี้ยังมีการคาดการณ์ว่า อีก 10 ปีข้างหน้า (2025-2035) อุตสาหกรรมความงามในภูมิภาคอาเซียนจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่เน้นความยั่งยืน ความเป็นธรรมชาติที่ตอบโจทย์เฉพาะกลุ่ม โดยสรุปแล้ว อุตสาหกรรมความงามในภูมิภาคอาเซียนจะมีมูลค่าสูงขึ้นประมาณ 100 - 160 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือสูงกว่านั้นซึ่งขึ้นอยู่กับอัตราการเติบโตที่แท้จริงและปัจจัยทางเศรษฐกิจอื่นๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
นายสรรชาย นุ่มบุญนำ ผู้จัดการทั่วไป อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย (ผู้จัดงานแสดงสินค้าในหลากหลายอุตสาหกรรม) กล่าวว่า ไทยนับเป็นประเทศที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมความงามใน
ภูมิภาคอาเซียนด้วยอัตราเติบโตที่ 11% นับเป็นตลาดที่มีศักยภาพ ด้วยทำเลที่ตั้งที่เชื่อมต่อไปยังภูมิภาคอื่นๆ ผนวกกับโครงสร้างพื้นฐานที่ดีในระดับโลกทำให้เป็นจุดยุทธศาสตร์ที่ดีในการจัดงานอุตสาหกรรมความงามขนาดใหญ่
อย่างไรก็ดี ด้วยศักยภาพที่ดี อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย จึงเตรียมจัดงาน “Cosmoprof CBE ASEAN Bangkok 2025” ครั้งที่ 4 ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 25-27 มิ.ย.2025 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งงานนี้จะมีแบรนด์ความงามเข้าร่วมกว่า 2,000 แบรนด์ จากจำนวนผู้แสดงสินค้าทั้งสิ้น 650 ราย ที่จะมีการเชื่อมโยงผู้ประกอบการระดับโลก ทั้งนักลงทุน ผู้นำเข้าแบรนด์จากต่างประเทศ ผู้ผลิตวัตถุดิบ สมุนไพรต่างๆ และผู้ซื้อรายสำคัญ เปิดโอกาสให้พบปะเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในอุตสาหกรรมความงามด้วยนวัตกรรมใหม่ๆ ที่จะเป็นกลไกสำคัญในการผลักดันอุตสาหกรรมความงามอาเซียนไปสู่ตลาดโลก
การจัดงาน “Cosmoprof CBE ASEAN Bangkok 2025” ครั้งที่ 4 คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานตลอดทั้ง 3 วันที่ 17,000 ราย จาก 20 ประเทศทั่วโลก และคาดว่าจะมีเงินสะพัดภายในงานที่ 1,800 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน (2024) ที่ปิดยอด 1,500 ล้านบาท
27 พ.ค. 2568