Last updated: 28 มิ.ย. 2568 | 14 จำนวนผู้เข้าชม |
ในโลกธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เทคโนโลยีการพิมพ์และการฉายภาพไม่ใช่เพียงแค่เครื่องมือสนับสนุน แต่กลายเป็นหัวใจของประสิทธิภาพองค์กร — และนี่คือจุดยืนล่าสุดของ Epson ที่เดินหน้าตอกย้ำความเป็นผู้นำอันดับหนึ่ง ผ่านงาน “The Vision of No.1: Defining Excellence in Printing and Projection” พร้อมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่แบบจัดเต็ม กว่า 22 รุ่น ครอบคลุมทั้งกลุ่มเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ท 7 รุ่นใหม่ พร้อมโปรเจคเตอร์ อัจฉริยะสำหรับภาคธุรกิจ 15 รุ่น ภายใต้กลยุทธ์ “นวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน” ตอบโจทย์องค์กรยุคใหม่ที่ต้องการเทคโนโลยีที่ประสิทธิภาพสูง ประหยัดพลังงาน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
นายยรรยง มุนีมงคลทร ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ตลาดเครื่องพิมพ์เปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนโดยเครื่องพิมพ์อิงค์แท็งค์เติบโตต่อเนื่องจนมีส่วนแบ่งถึง 57% ของตลาดรวม
และสูงถึง 80% ในกลุ่มเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทสะท้อนพฤติกรรมผู้บริโภคที่มองหาโซลูชันที่ประหยัด คุ้มค่า ใช้งานง่าย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น เอปสันยังคงครองอันดับ 1 ของโลกทั้งในกลุ่มเครื่องพิมพ์อิงค์แท็งค์และโปรเจคเตอร์ โดยมีส่วนแบ่งตลาดเครื่องพิมพ์อิงค์แท็งค์ในไทยสูงถึง 47% และโปรเจคเตอร์ 51% พร้อมชู 3 กลยุทธ์หลักดันตลาดโต
1. ขยายตลาดเครื่องพิมพ์ EcoTank กลุ่ม Mid-High สำหรับธุรกิจที่เน้นความคุ้มค่า
2. ส่งเสริมการเปลี่ยนจากเลเซอร์มาใช้อิงค์เจ็ท ด้วย WorkForce Series ที่ประหยัดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
3. รุกตลาดโปรเจคเตอร์ธุรกิจ โดยเน้นความสว่างสูง ใช้งานได้ดีแม้ในพื้นที่แสงจ้า
เจาะกลุ่ม Mid-High และองค์กรที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม เครื่องพิมพ์ 7 รุ่นใหม่ เช่น L4360, L6370, L6390, EM-C800, EM-C8100, EM-C8101 และ AM-M5500 ถูกออกแบบเพื่อตอบโจทย์องค์กรยุค Green Office ด้วยเทคโนโลยี Heat-Free Printing ที่ไม่ต้องใช้ความร้อนในการพิมพ์ ช่วยประหยัดพลังงานได้ถึง 85% เมื่อเทียบกับเลเซอร์ และลดของเสียและค่าบำรุงรักษาได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะในกลุ่ม Mid-High ที่เติบโตสูงถึง 15% ในไตรมาสแรกของปี และสร้างรายได้มากกว่า Entry Level ถึง 2 เท่า “เรายึดหลักพัฒนานวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน และเข้าใจความต้องการของลูกค้าในทุกมิติ นี่คือหัวใจของการเป็นผู้นำในตลาด B2B อย่างแท้จริง”
จุดขายเด่น: ประหยัด-ทนทาน-อัจฉริยะ
เครื่องพิมพ์กลุ่ม EM-C Series รองรับการพิมพ์ขนาด A4/A3 พร้อมฟังก์ชันจัดการเอกสารอัตโนมัติ เช่น Dual CIS และฟีเจอร์ยืนยันตัวตน AM-M5500 เหมาะกับพื้นที่จำกัด ใช้เทคโนโลยี OCR และรองรับการทำรูปเล่ม ทุกรุ่นใช้หมึกความจุสูง ลดความถี่การเปลี่ยน เพิ่มความต่อเนื่องในการทำงาน ฟีเจอร์เชื่อมต่อทันสมัยผ่าน Epson Smart Panel, Epson Connect, และ Epson Remote Services
เอปสันยังเปิดตัวโปรเจคเตอร์ใหม่ถึง 15 รุ่น แบ่งเป็น
Smart Series 7 รุ่น (เช่น EB-W55, EB-FH54): ขนาดกะทัดรัด ฉายภาพใหญ่ถึง 300 นิ้ว สว่างสูงสุด 4,100 ลูเมน เหมาะกับห้องประชุม ห้องเรียน ร้านค้า
Laser Series 8 รุ่น (เช่น EB-L690U, EB-L790SE): ความละเอียดสูง 4K Enhancement สว่างสูงสุด 8,000 ลูเมน รองรับ BYOD และการนำเสนอแบบไร้สาย เช่นผ่าน Miracast และ iProjection ที่ช่วยให้ผู้ใช้เชื่อมต่อ Chromebook หรือสมาร์ทดีไวซ์ได้อย่างอิสระ พร้อมฟังก์ชันแชร์ จัดการ และใส่คำอธิบายประกอบบนเนื้อหาได้ง่ายๆโปรเจคเตอร์ทั้งหมดได้รับการออกแบบให้มีขนาดกะทัดรัด ติดตั้งง่าย ด้วย Geometric Correction สำหรับปรับภาพให้ตรงแม้ติดตั้งในมุมที่ไม่สมบูรณ์เหมาะกับการประชุม การเรียนการสอน หรือเพื่อความบันเทิง
รุ่นเด่น EB-L690SE ออกแบบเฉพาะสำหรับ Golf Simulator ด้วย throw ratio เพียง 0.5 ฉายภาพใหญ่จากระยะใกล้ได้คมชัด สว่างได้จากระยะใกล้เหมาะกับพื้นที่จำกัด และให้ประสบการณ์เสมือนอยู่ในสนามกอล์ฟจริง
มุ่งตอบโจทย์ “อนาคตของสำนักงาน” เอปสันยังเน้นย้ำแนวทางพัฒนาเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์เทรนด์ Hybrid Work และความยั่งยืนในองค์กร โดยไม่เพียงตอบสนองความต้องการปัจจุบัน แต่ยังวางรากฐานสู่อนาคตของสำนักงานที่ประหยัดพลังงาน ยืดหยุ่น และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง
“เอปสันเดินนำหน้าตลาดอยู่เสมอเพราะเราไม่เคยหยุดเรียนรู้และติดตามเทรนด์ตลาดอย่างใกล้ชิดทั้งด้านพฤติกรรม ความนิยมและความคาดหวังของลูกค้าองค์กรในหลากหลายอุตสาหกรรมเราจึงสามารถพัฒนานวัตกรรมที่ตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างตรงจุดเพื่อธุรกิจขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ หรือสถาบันการศึกษาจนทำให้เอปสันสามารถรักษาตำแหน่งแบรนด์เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทและโปรเจคเตอร์อันดับหนึ่งทั้งในระดับโลก ภูมิภาค และประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่อง
ที่สำคัญ เราไม่ได้มุ่งเพียงตอบโจทย์ในวันนี้เท่านั้นแต่ยังเดินหน้าอย่างมั่นคงเพื่อยกระดับมาตรฐานเทคโนโลยีขององค์กรในอนาคต โดยเฉพาะด้านโซลูชันเพื่อสำนักงานยุคใหม่ที่ยืดหยุ่นประหยัดพลังงาน และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นรูปธรรม” นายยรรยง กล่าวสรุป
20 มิ.ย. 2567