Last updated: 17 มิ.ย. 2567 | 629 จำนวนผู้เข้าชม |
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)โดยสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA ร่วมกับ มูลนิธิข้าวไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์
ร่วมส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรมสำหรับเพิ่มมูลค่าข้าวไทย ทั้งในรูปแบบของผลิตภัณฑ์หรือกระบวนการผลิตผ่าน “การจัดประกวดรางวัลนวัตกรรมข้าวไทย ประจำปี 2567” เพื่อเป็นการยกย่อง เชิดชูเกียรติแก่นวัตกรผู้สร้างสรรค์นวัตกรรมข้าวไทย และสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้อื่น โดยแบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ กลุ่มอุตสาหกรรม และกลุ่มวิสาหกิจชุมชน โดยผู้ที่สนใจสามารถส่งผลงานเข้าประกวดได้ทั้งผลิตภัณฑ์นวัตกรรมจากข้าว หรือกระบวนการผลิตข้าว ตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 กรกฎาคม 2567 ผ่านทาง https://thairice.org/?p=13534
ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล ประธานมูลนิธิข้าวไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่า การจัดประกวดรางวัลนวัตกรรมข้าวไทย ได้สร้างและกระตุ้นความสนใจในกลุ่มคนไทยให้มีความคิดสร้างสรรค์ คิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มมูลค่าข้าว และเกิดการผลิตในเชิงพาณิชย์มากขึ้น ซึ่งถือเป็นการช่วยสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลได้เป็นอย่างดี เนื่องจากรัฐบาลมองเห็นความสำคัญของการสร้างผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ หลังจากที่ได้เริ่มจัดการประกวดไปได้ 4 ปี ทางมูลนิธิฯ มองเห็นถึงความเหลื่อมล้ำของกลุ่มนวัตกรที่มาจากกลุ่มอุตสาหกรรม และที่มาจากกลุ่มวิสาหกิจชุมชนในแง่ของศักยภาพในการสร้างนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ข้าว ที่ผ่านมามีการส่งผลงานเข้าประกวดจำนวน 600 ชิ้น มีเพียง 77 ชิ้นที่ได้รับรางวัล ดังนั้น ในปีที่ 5 จึงได้เริ่มสนับสนุนส่งเสริมให้มีนวัตกรจากกลุ่มวิสาหกิจชุมชนส่งผลงานเข้าประกวดมากขึ้น โดยแยกการตัดสินรางวัลออกเป็น 2 กลุ่ม เพื่อไม่ให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบของกลุ่มที่มีศักยภาพต่างกัน
ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA กล่าวว่า NIA มุ่งมั่นเสริมสร้างระบบนวัตกรรมแห่งชาติ ภายใต้บทบาท “ผู้กำหนดทิศทางนวัตกรรม (Focal Conductor)” และนอกเหนือจากภารกิจในการสนับสนุนด้านเงินทุนแล้ว การจัดประกวดรางวัลนวัตกรรมถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่จะช่วยสร้างความตระหนักด้านนวัตกรรม NIA จึงได้ร่วมมือกับมูลนิธิข้าวไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ในการส่งเสริมและพัฒนานวัตกรรมในอุตสาหกรรมข้าว เพื่อการผลิตและบริการเชิงพาณิชย์ และได้ดำเนินการจัดการประกวดรางวัลนวัตกรรมข้าวไทยขึ้น มาตั้งแต่ปี 2550 จนถึงปัจจุบันนับเป็นปีที่ 16 แล้วซึ่งตลอดระยะเวลากว่า 15 ปีที่ผ่านมา NIA ได้ดำเนินงานเพื่อยกระดับความสามารถในการแข่งขันด้าน “ข้าว” ของประเทศไทย ให้ก้าวสูงขึ้น โดยได้ให้การสนับสนุนผู้ประกอบการไทยที่ทำนวัตกรรมจากข้าวไปแล้วกว่า 100 โครงการ มูลค่าการสนับสนุนกว่า 50 ล้านบาท ก่อให้เกิดการลงทุนรวมกว่า 392 ล้านบาท แสดงให้เห็นถึงนวัตกรรมฝีมือคนไทยที่ไม่แพ้ชาติใดในโลก รวมถึงกระตุ้นให้เกิดการนำนวัตกรรมไทยไปใช้ประโยชน์ และจุดประกายให้คนไทยเกิดความตื่นตัวในการสร้างสรรค์นวัตกรรมของข้าวไทย สร้างมูลค่าของข้าวให้แก่ชุมชนที่จะนำพาประเทศไปสู่การเป็นชาตินวัตกรรม (Innovation Nation)
คุณดรุณี เอ็ดเวิร์ดส เลขาธิการมูลนิธิข้าวไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่า การจัดการประกวดนวัตกรรมข้าวไทย มีเป้าหมายเพื่อคัดเลือกนวัตกรรมจากผลิตภัณฑ์ข้าว รวมถึงกระบวนการผลิตที่เป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับข้าวไทยให้สามารถพัฒนาสู่เชิงพาณิชย์ อันจะก่อให้เกิดประโยชน์ทั้งในด้านเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ซึ่งตลอดระยะเวลาของการประกวดฯ 15 ปีที่ผ่านมา มีผู้สนใจเข้าร่วมส่งผลงานนวัตกรรมข้าวไทย ทั้งสิ้น 669 ผลงาน และมีผลงานที่ได้รับรางวัลไปแล้ว 77 ผลงาน ซึ่งเห็นได้ชัดเจนว่าความสนใจในการสร้างสรรค์นวัตกรรมสำหรับเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ข้าวของประเทศเพิ่มขึ้น ปัจจุบันจะเห็นได้ว่ามีผลิตภัณฑ์ข้าวแปลกใหม่ในรูปแบบที่หลากหลายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นขนมขบเคี้ยว เครื่องดื่มหลากหลายชนิด น้ำมันรำข้าว แป้งเบเกอรี่ แป้งเด็ก เครื่องสำอาง อุปกรณ์การแพทย์ หรือแม้กระทั่งคอนกรีตบล็อก ซึ่งล้วนมีคุณค่าที่น่าประทับใจ และสมควรได้รับการส่งเสริมสนับสนุนให้มากขึ้น และในปีนี้เรายังคงรอรับชมนวัตกรรมจากผลิตภัณฑ์ที่จะร่วมส่งเข้าประกวดจากทั้งกลุ่มอุตสาหกรรม และกลุ่มวิสาหกิจชุมชน
ด้าน คุณช้างน้อย กุญชร ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท Cloud & Ground จำกัดเผยมุมมองของคนรุ่นใหม่กับข้าวไทยในปัจจุบันว่า “ในฐานะผู้ร่วมจัดงาน Thailand Rice Fest เทศกาลกินข้าวใหม่และสินค้าข้าวสร้างสรรค์ ซึ่งเป็นเทศกาลที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อยกระดับวงการข้าวไทย ผ่านประสบการณ์ “ชิมข้าว กินข้าว ซื้อข้าว ชมข้าว และทำกับข้าว” สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของผู้ประกอบการและเกษตรกรไทยผ่านสินค้าสร้างสรรค์ รู้สึกเป็นเกียรติ และยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยด้วยพลังจากข้าวและวัตถุดิบท้องถิ่นไทย จากการทำงานที่ผ่านมาทำให้ได้รู้จักกับ “ข้าวสรรพสี” (Rainbow Rice) ซึ่งเป็นข้าวที่ใบมีสีสันงดงามแตกต่างกันออกไป และได้เห็นโอกาสในการพัฒนาทุ่งนาให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว รวมถึงการใช้ประโยชน์จากใบข้าวมาผลิตเป็นโปรตีนทางเลือก และช่วยลดการเผาป่า แก้ปัญหาฝุ่นควันได้ ทำให้ได้รู้ว่าข้าวไทยมีประโยชน์มากกว่าการรับประทาน หากใส่ความคิดสร้างสรรค์เข้าไป ก็สามารถสร้างนวัตกรรมที่หลากหลายขึ้นมาได้ จึงขอเชิญชวนทุกท่านที่มีนวัตกรรมจากข้าวอยู่ในมือ ร่วมส่งผลงานเข้าประกวดในครั้งนี้ เพื่อแสดงศักยภาพของข้าวไทยในมิติใหม่ ๆ ขึ้นมาได้