เวียตเจ็ทจับมือ Airbus, Rolls-Royce, Pratt & Whitney and Safran ณ งาน Singapore Airshow 2024

Last updated: 1 มี.ค. 2567  |  226 จำนวนผู้เข้าชม  | 

เวียตเจ็ทจับมือ Airbus, Rolls-Royce, Pratt & Whitney and Safran  ณ งาน Singapore Airshow 2024

สายการบินเวียตเจ็ท (เวียดนาม) บรรลุข้อตกลงสำคัญกับพันธมิตรชั้นนำในอุตสาหกรรมการบินและเทคโนโลยี ได้แก่ แอร์บัส (Airbus) โรลส์-รอยซ์ (Rolls-Royce) และ Pratt & Whitney (บริษัทหลักในเครือ RTX) และ Safran ณ งาน Singapore Airshow 2024 เพื่อการพัฒนา เพิ่มขีดความสามารถ รวมถึงรองรับฝูงบินและการขยายเครือข่ายการบินเพื่อการเติบโตในอนาคต พร้อมเน้นย้ำความมุ่งมั่นในการรักษามาตรฐานด้านความปลอดภัย ประสิทธิภาพ และความยั่งยืน

1. เวียตเจ็ทและแอร์บัสประกาศคำสั่งซื้อเครื่องบินลำตัวกว้าง A330neo จำนวน 20 ลำ
เวียตเจ็ทลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MoU) กับแอร์บัสเพื่อสั่งซื้อเครื่องบินลำตัวกว้างรุ่นแอร์บัส A330neo (A330-900) จำนวน 20 ลำ คำสั่งซื้อดังกล่าวถือเป็นหนึ่งในข้อตกลงที่สำคัญที่สุดในงาน Singapore Airshow 2024 นอกจากนี้ การลงทุนครั้งนี้ถือเป็นคำสั่งซื้อเครื่องบินลำตัวกว้างที่ใหญ่ที่สุดของเวียตเจ็ท เน้นย้ำความมุ่งมั่นของสายการบินในการขยายเครือข่ายเส้นทางบินและปรับปรุงฝูงบินให้ทันสมัยอยู่เสมอ
เวียตเจ็ทจะปฏิบัติการบินด้วยเครื่องบินแอร์บัส A330neo บนเครือข่ายเส้นทางบินระยะไกลและเส้นทางบินภายในภูมิภาคที่มีผู้โดยสารเดินทางจำนวนมาก นอกจากนื้ เครื่องบินดังกล่าวจะเข้ามาเสริมทัพฝูงบินของเวียคเจ็ทแทนที่เครื่องบินแอร์บัส A330-300 เพื่อรองรับการขยายเครือข่ายเส้นทางบินที่เพิ่มขึ้นในอนาคต
เครื่องบินแอร์บัส A330neo ถูกออกแบบมาพร้อมกับประสิทธิภาพขั้นสูงซึ่งสอดรับกับกลยุทธ์การพัฒนาอย่างยั่งยืนและสนับสนุนแนวคิดการดำเนินธุรกิจที่มุ่งเน้นความยั่งยืน (ESG) ของเวียตเจ็ท สายการบินตั้งเป้าลดการปล่อยมลพิษทางอากาศเป็นศูนย์ภายในปี พ.ศ. 2593 ทั้งนี้ สายการบินหลายรายต่างตั้งตารอให้บริการเที่ยวบินระยะไกลด้วยเครื่องบิน A330neo ลำตัวกว้างซึ่งมาพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันเพื่อมอบบริการที่เป็นเลิศในราคาที่แข่งขันได้มากยิ่งขึ้น
เครื่องบินแอร์บัส A330neo มีห้องโดยสาร Airspace ที่ได้รับรางวัล การันตีประสบการณ์การเดินทางที่สะดวกสบายด้วยพื้นที่กว้างยิ่งขึ้นและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครันและทันสมัย ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ Trent 7000 ของโรลส์-รอยซ์สามารถบินได้ต่อเนื่องเป็นระยะทาง 7,200 นาโนเมตร/ 13,300 กม.
2. เวียตเจ็ทเลือกใช้เครื่องยนต์ Trent 7000 ของโรลส์-รอยซ์ขับเคลื่อนเครื่องบินแอร์บัส A330neo จำนวน 20 ลำ
เวียตเจ็ทและโรลส์-รอยซ์ประกาศข้อตกลงในการจัดหาเครื่องบินแอร์บัส A330neo ซึ่งขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ Trent 7000 จำนวน 20 ลำ เข้าเสริมทัพฝูงบินลำตัวกว้างที่มีอยู่เดิมจำนวน 7 ลำ ขับเคลื่อนด้วยเครื่องบิน A330ceo
เครื่องยนต์ Trent 7000 ส่งเสริมความยั่งยืนด้วยการเผาไหม้เชื้อเพลิงที่ดีขึ้น 14% ต่อที่นั่ง พร้อมทั้งลดการปล่อยมลพิษทางอากาศอย่างมีประสิทธิภาพ การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจะส่งผลให้สายการบินสามารถลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากกว่าหนึ่งแสนตันตลอดอายุการใช้งานของเครื่องบินแต่ละลำ สายการบินจึงสามารถขยายการปฎิบัติงานโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนในอนาคต
ด้วยการใช้เครื่องยนต์ Trent 7000 ขับเคลื่อนเครื่องบินแอร์บัส A330neo รุ่นใหม่ล่าสุดของเวียตเจ็ท เครื่องยนต์เหล่านี้จะเสริมให้ฝูงบินลำตัวกว้างของเวียตเจ็ทก้าวไปสู่จุดสูงสุดทางเทคโนโลยีใหม่ พร้อมปรับปรุงคุณภาพการบินอย่างมีนัยสำคัญ รวมถึงเพิ่มความน่าเชื่อถือและประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน
3. เวียตเจ็ทเลือกใช้ Pratt & Whitney บริษัทหลักในเครือ RTX เพื่อขับเคลื่อนเครื่องบิน A321neo เพิ่มเติมอีก 19 ลำ
เวียตเจ็ทเลือกใช้เครื่องยนต์พัดลมเทอร์โบ (GTF) จากบริษัท Pratt & Whitney ขับเคลื่อนเครื่องบิน A321neo จำนวน 19 ลำ เพื่อการบํารุงรักษาเครื่องยนต์ผ่านข้อตกลงการบริการที่ครอบคลุมของ EngineWise® ภายในพิธีลงนาม ณ งาน Singapore Airshow 2024 เน้นย้ำความสัมพันธ์อันดีระหว่างเวียตเจ็ทและ Pratt & Whitney
เวียตเจ็ตเชื่อมั่นในเทคโนโลยีของ Pratt & Whitney เพื่อประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงและประโยชน์ด้านสิ่งแวดล้อมในการขับเคลื่อนเครื่องบินด้วยเครื่องยนต์พัดลมเทอร์โบ (GTF) นอกจากนี้ เวียตเจ็ทมีเป้าหมายในการใช้เครื่องยนพัดลมเทอร์โบกับเครื่องบินจำนวนทั้งหมด 87 ลำ เพื่อรองรับจำนวนฝูงบินที่เพิ่มขึ้น
เครื่องยนต์พัดลมเทอร์โบของ Pratt & Whitney จะส่งผลให้ให้เวียตเจ็ทสามารถลดอัตราเชื้อเพลิงสิ้นเปลืองและอัตราการปล่อยมลพิษสู่ปริมาณต่ำที่สุดในภูมิภาค
4. เวียตเจ็ทและ Safran ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ด้านอุปกรณ์ความปลอดภัยบนเครื่องบินโบอิ้ง B737 MAX
เวียตเจ็ท และ Safran AeroSystems ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ในการจัดหาอุปกรณ์ความปลอดภัยบนเครื่องบินโบอิ้ง B737 MAX ของเวียตเจ็ท เกณฑ์การคัดเลือกประกอบด้วยส่วนประกอบด้านความปลอดภัยที่จำเป็น อาทิ แพชูชีพ อุปกรณ์ช่วยหายใจ หน้ากากออกซิเจนสำหรับลูกเรือ และเสื้อชูชีพ รวมถึงบริการด้านความปลอดภัยที่เกี่ยวข้องด้วยการมุ่งเน้นเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยและความน่าเชื่อถือ Safran Aerosystems จึงถูกกำหนดให้ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยในการปฏิบัติงานทั้งหมดของเวียตเจ็ท ข้อเสนอของ Safran Aerosystems ได้รับเลือกเนื่องด้วยนวัตกรรมและความมุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศในการออกแบบอุปกรณ์ความปลอดภัยที่ล้ำสมัยด้วยฝูงบินกว่า 105 ลำและจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เวียตเจ็ทกำลังขยายเครือข่ายเที่ยวบินสู่จุดหมายปลายทางต่างๆ ทั่วเวียดนาม ออสเตรเลีย อินเดีย จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินโดนีเซีย ไทย รวมถึงจุดหมายปลายทางข้ามทวีป สายการบินมุ่งมั่นมอบประสบการณ์การการเดินทางที่ดีที่สุดแก่ผู้โดยสารผ่านความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับพันธมิตรด้านการบินและเทคโนโล





Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้