Last updated: 12 ก.ย. 2566 | 371 จำนวนผู้เข้าชม |
NIA ชวนอัปเดต “Pet Tech” 3 นวัตกรรมเทคแคร์สัตว์เลี้ยงแสนรักรับเมกะเทรนด์ทาส–ทูนหัว สุขใจคนเลี้ยง ถูกใจทุกไลฟ์สไตล์น้องสี่ขา
เมื่อพฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในปัจจุบันเปลี่ยนไป เทรนด์ชอบอยู่เป็นโสด หรือแต่งงานแต่ไม่ต้องการมีลูก มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น คนเหล่านี้ก็เลือกที่จะเลี้ยงเพื่อนรัก 4 ขา ไว้ช่วยคลายเหงา และดูแลพวกเขาอย่างดีเปรียบเสมือนเป็นลูกคนหนึ่ง เป็นปัจจัยหนุนสำคัญที่ทำให้ธุรกิจสัตว์เลี้ยงเติบโตขึ้นอย่างมากตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งตรงกับข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ที่คาดการณ์ว่ามูลค่าตลาดสัตว์เลี้ยงของไทยจะเติบโตเฉลี่ยปีละ 8.4% มาอยู่ที่ 66,748 ล้านบาทในปี 2026 นอกจากนี้จากข้อมูลกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ พบว่าประเทศไทยยังเป็นผู้นำด้านการส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงเป็นอันดับที่ 4 ของโลก และอันดับที่ 1 ของอาเซียน กระทรวงพาณิชย์พบว่า ในช่วงเดือน มกราคม – เมษายน 2566 ที่ผ่านมา ไทยมีการส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงสูงถึง 750 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นรองเพียงสหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกา และจีน เท่านั้น
จากการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบันประกอบกับเทรนด์ “Pet Humanization” ที่เพิ่มขึ้น โดยมีความต้องการให้เหล่าลูกรัก 4 ขา ได้รับสิ่งที่ดีที่สุดเปรียบเสมือนคนในครอบครัว พร้อมเปย์ค่าใช้จ่ายเพื่อให้ได้สินค้าและบริการที่ดีที่สุด นอกจากนี้ หลาย ๆ คนยังเลือกที่จะนำนวัตกรรม หรือเทคโนโลยีมาช่วยพัฒนาให้คุณภาพชีวิตของเหล่าสัตว์เลี้ยงดียิ่งขึ้น วันนี้ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA จึงอยากพาทุกคนไปเปิดโลกกับนวัตกรรมเหล่านี้ที่รับรองว่าเจ้าบรรดาเพื่อนรักสัตว์เลี้ยงและเหล่าทาสต้องแฮปปี้แน่นอน
ช่องปากน้องหมาแข็งแรงด้วยขนมเสริมโพรไบโอติกป้องกันปัญหาสุขภาพทางช่องปาก
การใช้อาหารเสริมโพรไบโอติก เพื่อช่วยเสริมสุขภาพสุนัขได้รับความสนใจอย่างมาก จากความสำเร็จในการใช้โพรไบโอติกในมนุษย์เพื่อเสริมสร้างสุขภาพ และแก้ไขปัญหาโรคต่าง ๆ รวมถึงการป้องกันโรคในช่องปาก เช่น ฟันผุ เหงือกอักเสบ ปริทันต์อักเสบ เป็นต้น แต่ทางด้านตลาดธุรกิจสัตว์เลี้ยง ผลิตภัณฑ์ขนมสุนัขเสริมโพรไบโอติกที่มีคุณประโยชน์หลากหลายสำหรับน้องสุนัขยังมีวางจำหน่ายในตลาดน้อยมาก เนื่องจากผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ต้องนำเข้ามาจากต่างประเทศเป็นหลัก จึงทำให้เกิดการวิจัยและพัฒนา “Plaque – Guard: ขนมสุนัขเสริมโพรไบโอติกป้องกันปัญหาสุขภาพทางช่องปาก” ขึ้น โดย บริษัท เค.เอ็ม.พี.ไบโอเทค จำกัด ร่วมกับคณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
Plaque – Guard เป็นการคัดเลือกจุลินทรีย์โพรไบโอติก 4 สายพันธุ์ที่มีคุณสมบัติในการเกาะติดกับเนื้อเยื่อภายในช่องปากสุนัขได้ดี และสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อก่อโรคปริทันต์อักเสบได้ มาพัฒนาต่อยอดให้อยู่ในรูปแบบเม็ดนมเสริมโพรไบโอติกสำหรับสุนัข เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ขนมสุขนัขที่สามารถช่วยลดการสะสมของคราบหินปูน และการอักเสบในเหงือกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เหล่าทาสไม่ต้องกังวลปัญหาในช่องปากของน้องหมาอีกต่อไป
ผักตบชวาวัชพืชจากลำคลองสู่ทรายแมวย่อยสลายเองได้สไตล์รักษ์โลก
ทรายแมว เป็นอีกหนึ่งไอเทมสำคัญที่เหล่าทาสแมวต้องมีติดบ้านไว้ทุกบ้าน เพื่อรองรับการขับถ่ายของน้องแมวที่มีนิสัยรักสะอาด และขับถ่ายเป็นที่เป็นทาง หากบ้านไหนเลี้ยงแมวแล้วไม่มีทรายแมว อาจทำให้น้องแมวต้องกลั้นของเสียไว้ ส่งผลถึงสุขภาพน้องแมวได้ทั้งในระยะสั้น และระยะยาว ยิ่งทรายแมวที่สามารถซึมซับของเหลวได้ดี และอุ้มนำได้ดี ยิ่งสามารถช่วยดูดซับของเสียจากน้องแมวได้มีประสิทธิภาพ ยิ่งซื้อใจทาสแมวได้เป็นอย่างดี และที่สำคัญถ้าทรายแมวที่ไม่ก่อให้เกิดฝุ่นจะยิ่งทำให้สุขภาพของน้องแมวดียิ่งขึ้น
“SLAP MEO” ทรายแมวจากผักตบชวา อีกหนึ่งสินค้าเพื่อทาสแมวที่มีความเข้าใจธรรมชาติของน้องแมวเป็นอย่างดี นำมาประยุกต์กับวัชพืชที่ผู้คนมองว่าไร้ค่าอย่างผักตบชวา จนได้ทรายแมวรักษ์โลกขึ้นมา สำหรับผักตบชวาเป็นวัชพืชที่ขยายพันธุ์ได้ไวที่สุดขนิดหนึ่ง ผักตบชวา 1 ต้นมีเมล็ดถึง 5,000 เมล็ดที่พร้อมขยายพันธุ์ โดยใช้เวลาไม่ถึง 30 วัน ส่งผลให้สามารถขยายพันธุ์อย่างรวดเร็วจนปกคลุมพื้นผิวน้ำ ทำให้น้ำขาดออกซิเจนเพราะอากาศในน้ำไม่ถ่ายเท กลายเป็นน้ำเน่าเสีย แต่ผักตบชวาก็ไม่ใช่วัชพืชไร้ค่าอีกต่อไป เพราะส่วนต้นของผักตบชวามีคุณสมบัติเป็นเส้นใยไฟเบอร์ มีรูพรุนมากคล้ายฟองน้ำ ทำให้ซึมซับของเหลวได้เร็ว อุ้มน้ำได้ดี จึงนำมาต่อยอดเป็นทรายแมวจากผักตบชวา ที่ดูดซับสิ่งปฏิกูลจากน้องแมวได้ดี แม้ว่ากลิ่นยังมีประสิทธิภาพไม่เทียบเท่าทรายแมวที่ทำจากแร่เบนโทไนท์ แต่ก็ช่วยลดปัญหาเรื่องฝุ่นและสุขภาพของแมวจากแร่เบนโทไนท์ได้ไม่น้อย อีกทั้งยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพียงเทลงชักโครกก็สามารถย่อยสลายเองได้
นวัตกรรมตรวจภูมิแพ้ในสัตว์เลี้ยง รู้ทุกอาการแพ้ ปลอดภัยสบายใจทั้งคนทั้งสัตว์
ปัจจุบันโรคภูมิแพ้ในสัตว์เลี้ยงทั่วโลกมีอัตราการเกิดสูงขึ้นถึงร้อยละ 15 เป็นโรคที่สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งในน้องหมาและน้องแมว มีสาเหตุการแพ้ที่พบมากที่สุดคือแพ้อาหาร รองลงมาเป็นการแพ้สารในสิ่งแวดล้อม ส่งผลให้ผู้ที่นิยมเลี้ยงสัตว์ ต้องหันมาให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพสัตว์เลี้ยง ทั้งการรักษาไปจนถึงการตรวจวินิจฉัยภาวะโรคภูมิแพ้ที่ต้องดูเป็นระบบ ตั้งแต่การซักประวัติสัตว์เลี้ยง การตรวจร่างกายร่วมกับการตรวจเลือดด้วยวิธี intradermal skin testing (IDT) ที่มีข้อจำกัดอยู่มาก ทั้งการที่ต้องส่งเลือดไปตรวจในห้องปฏิบัติการต่างประเทศ มีที่ราคาค่าใช้จ่ายสูงถึงประมาณ 20,000 บาท และระยะเวลาในการทราบผลนานถึง 2 เดือน ทำให้การดูแลรักษาสัตว์เลี้ยงเป็นไปได้อย่างลำบาก
อีกหนึ่งวิธีการตรวจที่มีประสิทธิภาพที่ทำได้ง่ายและรวดเร็ว คือ การตรวจแบบซีรั่มวิทยา จาก VerDiags ที่เป็นแห่งแรกในไทยที่เปิดบริการตรวจเลือดเพื่อวินิจฉัยภาวะภูมิแพ้ในสัตว์เลี้ยงภายใต้ความร่วมมือกับ บริษัท อแวคต้า จำกัด ซึ่งเป็น บริษัทชั้นนำในสหราชอาณาจักรและศูนย์แล็บเฮสก้า สำหรับการตรวจแบบซีรั่มวิทยาเป็นการตรวจวัดระดับ IgE และ IgG ในเลือดต่อสารก่อภูมิแพ้ต่าง ๆ ที่สัตว์แพ้ เพียงแค่เจาะเลือด 6-8 มล. ไม่จำเป็นต้องวางยาสลบหรือโกนขนสัตว์เลี้ยง แบบเดียวกับการตรวจแบบ IDT ไม่จำเป็นต้องหยุดยาก่อนทำการตรวจ ถ้าไม่ได้รับสเตอรอย์เป็นเวลานานติดต่อกัน และไม่มีผลข้างเคียงจากการทดสอบ ซึ่งทำให้เจ้าของสัตว์เลี้ยงทั้งหลายสามารถเข้าใจถึงสุขภาพของสัตว์เลี้ยง และดูและน้อง ๆ ได้อย่างเหมาะสม และเลี้ยงน้อง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพตลอดอายุขัย